ทำไมแบรนด์ส่วนใหญ่หันมาทำ SEO

ทำไมแบรนด์ส่วนใหญ่หันมาทำ SEO

เราจะเห็นตามเว็บไซต์ประกาศรับสมัครงานรวมถึงการตามหาผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้มาเป็นคนทำ SEO ให้กับแบรนด์หลายแบรนด์ ซึ่งสัญญาณนี้ถือเป็นสัญญาณที่ดีในการทำการตลาดออนไลน์มากเลยทีเดียวล่ะ ว่าแต่จะเป็นเพราะอะไร ทำไมแบรนด์ถึงหันมาทำ SEO กันมากขึ้น มาติดตามกันเลยดีกว่า

เหตุผลที่แบรนด์ทำไมต้องทำ SEO

ให้ผลลัพธ์ในระยะยาวที่ดีกว่าการโฆษณา : การทำโฆษณานั้น จะทำให้เว็บไซต์ของคุณขึ้นไปอยู่บนหน้าแรกของ Google ในช่วงระยะเวลาที่เงินเหลือเท่านั้น แต่เมื่อไหร่ที่คุณไม่จ่ายเงินต่อ ก็มีโอกาสทำให้เว็บไซต์ร่วงออกไปจากหน้าแรก ๆ ของ Google ได้ โดยเราสามารถสรุปได้สั้น ๆ ว่าการทำโฆษณามีประโยชน์ก็จริง แต่มันอาจไม่ยั่งยืนในระยะยาวนั่นเอง

รองรับการค้นหาของลูกค้าแบบ organic : พฤติกรรมของคนสมัยนี้มีการเปลี่ยนแปลงวิธีหาข้อมูลของสินค้าหรือบริการที่ตัวเองสนใจมาเป็นการค้นหาบนช่องทางออนไลน์รวมถึง Google ด้วย ไม่ว่าจะซื้อสินค้าหรือมีปัญหาอะไร คนเรามีแนวโน้มที่จะใช้ช่องทางออนไลน์เป็นพื้นที่สื่อสารของตัวเองมากขึ้นไปเรื่อย ๆ ฉะนั้นการติดอันดับ SEO ได้ก็มีโอกาสทำให้กลุ่มเป้าหมายรู้จักคุณมากขึ้น

ต้นทุนไม่สูงเหมือนค่าโฆษณา : หากเปรียบเทียบเรื่องของต้นทุนในรูปแบบของเงินนั้น เราสามารถบอกได้ว่า SEO จะทำให้คุณประหยัดเงินในระยะยาวได้มากกว่าหลายเท่าเลยทีเดียว เพราะการโฆษณานั้น คุณจะต้องประมูลค่าโฆษณาแข่งกับคู่แข่งตลอดเวลา อีกทั้งยังต้องใช้งบประมาณที่สูงกว่าสำหรับ keyword ที่เป็นคำสั้น ๆ อีกด้วย

SEO เป็นส่วนหนึ่งของการทำการตลาดออนไลน์ที่ได้ผล : มีแบรนด์ส่วนใหญ่ที่หันมาทำ SEO แล้วได้ลูกค้าเป็นจำนวนมาก นั่นเป็นเพราะลูกค้าให้ความเชื่อมั่นกับอันดับที่เป็น organic มากกว่าอันดับที่มาจากโฆษณา และเมื่อติด อันดับ SEO แล้ว โอกาสที่ลูกค้าจะกดซื้อหรือกรอกข้อมูลเพื่อขอซื้อบริการก็ย่อมมีมากกว่าแบรนด์ที่ไม่ได้อยู่บนหน้าแรก ๆ ของ Google เลย

การทำ SEO ให้ติดหน้าแรกของ search engine ถือเป็น digital asset ของแบรนด์ : ทรัพย์สินที่มีค่าอย่างหนึ่งของแบรนด์บนโลกออนไลน์นั่นก็คือเว็บไซต์ หากธุรกิจของคุณเป็นธุรกิจประเภทที่ต้องมีการรวมทุนหรือสร้างขึ้นมาเพื่อขายไป การติดอันกับ SEO จะทำให้เว็บไซต์ของคุณรวมถึงแบรนด์มีมูลค่าที่สูงขึ้นตามไปด้วย แล้วยังมีอำนาจต่อรองบนช่องทางออนไลน์กับนักลงทุนมากกว่าอีกด้วย

เห็นไหมว่าการทำ SEO นั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่การไต่ขึ้นไปอยู่บนหน้าแรกของ search engine เพื่อเป็นเว็บไซต์ที่กลุ่มเป้าหมายของคุณจะเลือกคลิกเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างคุณค่าให้กับแบรนด์และมีข้อดีหลายข้อมากเลยทีเดียว และนี่ก็คือสาเหตุสำคัญที่แบรนด์ต่าง ๆ หันมาทำ SEO กัน

เหตุผลที่แบรนด์ทำไมต้องทำ SEO

ทำ SEO อย่างไรให้สำเร็จ ตอบโจทย์ทุกธุรกิจในปัจจุบัน

ขั้นตอนการทำ SEO ที่ทุกธุรกิจต้องรู้

พื้นฐานของการทำธุรกิจที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือการโฆษณา ไม่ว่าจะธุรกิจใหญ่โตติดระดับโลกแค่ไหนก็ยังต้องมีการโฆษณาทั้งนั้น เป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะทำธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งโดยไม่มีการโฆษณา ไม่ต้องมีใครรู้จักสินค้าหรือบริการของเราเลย ถ้าเป็นอย่างนั้นธุรกิจจะอยู่รอดได้อย่างไร การทำ SEO ถือเป็นหนึ่งในรากฐานของการโฆษณาในยุคปัจจุบัน เพราะสามารถทำได้ตั้งแต่ผู้เริ่มทำธุรกิจไม่มีเงินทุน ไปจนถึงธุรกิจใหญ่โตทุกระดับ แต่ที่สำคัญคือเราจะทำ SEO อย่างไรให้ประสบความสำเร็จเพื่อให้ผู้บริโภคได้รู้จักสินค้าหรือบริการของเรา การทำ SEO จะมีขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้

ขั้นตอนการทำ SEO ที่ทุกธุรกิจต้องรู้

กำหนด Keyword อันดับแรกต้องรู้ก่อนว่าสินค้าของเราคืออะไร แล้วในหมวดสินค้าดังกล่าวมีการค้นหาคำ Keyword ใน Google ว่าอะไรบ้าง ให้เรานำคำเหล่านั้นมาทำ SEO

มีเนื้อหาที่น่าสนใจ ไม่เพียงแต่แนะนำเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของตัวเองเท่านั้น แต่ในสิ่งที่นำเสนอควรเป็นเนื้อหาอื่นที่มีประโยชน์และมีความน่าสนใจและน่าติดตามบ้าง เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคเกิดความเบื่อหน่าย

ควรมี Keyword กระจายทั่วบทความ คำ Keyword ไม่ควรมากหรือน้อยจนเกิดไป และกระจายไปให้ทั่ว ๆ บทความ โดยเน้นถึงความเป็นธรรมชาติอ่านแล้วไหลลื่นเป็นหลัก ตรงส่วนไหนที่เห็นว่าสำคัญกับธุรกิจก็ให้เน้นหน่อยเพื่อให้ผู้อ่านได้จดจำผ่านจิตใต้สำนึก

จำนวนคำไม่ควรน้อยหรือมากไป ธรรมชาติของคนไทย ถ้าเรายังไม่สามารถดึงดูดความสนใจได้ภายใน 3 บรรทัดแรก ก็มีโอกาสที่ลูกค้าคนนั้นจะหลุดลอยไป ดังนั้นการทำ SEO ที่ดีไม่ควรมีจำนวนคำเยอะมากนัก ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับแต่ละธุรกิจด้วยว่าต้องการจะนำเสนอใคร

รูปและวิดีโอก็มีความสำคัญ รูปหรือวิดีโอเกี่ยวกับสินค้า การขายสินค้า การส่งสินค้า การรีวิวจากลูกค้า สำคัญมากในการทำตลอดออนไลน์ เพราะเว็บไซต์ของเราก็เปรียบเสมือนหน้าร้าน ดังนั้นการมีรูปและวิดีโอก็ช่วยให้การตัดสินใจซื้อทำได้ง่ายมากขึ้นทำ SEO อย่างไรให้สำเร็จ ตอบโจทย์ทุกธุรกิจในปัจจุบัน

อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าการทำ SEO สามารถทำได้ในทุกธุรกิจ ถือเป็นรากฐานของการโฆษณาที่มีประสิทธิภาพมาก ลองนึกดูว่าการทำโฆษณาแบบนี้ไม่มีค่าใช้จ่าย เพียงแค่อาศัยหลักการทำ SEO อย่างถูกต้องก็สามารถดันเว็บไซต์ของเราให้ขึ้นไปอยู่ในอันดับแรก ๆ บน Google ได้ เพียงแค่ผู้บริโภคพิมพ์คำ Keyword ที่เกี่ยวกับธุรกิจของเราเข้าไปก็จะเห็นเว็บไซต์ของเราเป็นอันดับแรก ๆ ส่งผลให้เกิดการซื้อขายได้ง่าย เมื่อรู้อย่างนี้แล้วธุรกิจไหนที่ยังไม่รู้จักการทำ SEO ขอให้เร่งศึกษาและรีบทำโดยด่วน เริ่มต้นเร็วกว่าย่อมได้เปรียบมากกว่า แต่ถ้ารู้ตัวว่าตามหลังคู่แข่ง ก็ยิ่งควรเริ่มทำ SEO ให้เร็วที่สุด

รู้หรือไม่? ทำไมทำ SEO แต่อันดับไม่ขึ้น

เหตุผลที่ทำ SEO แต่อันดับไม่ขึ้น

Keyword เป็นเครื่องมือสำคัญและเป็นหลักพื้นฐานในการทำ SEO ทำให้การเลือก Keyword ที่ดี มีจำนวนผู้ค้นหาเยอะและการแข่งขันน้อยจะทำให้เว็บไซต์ติดอันดับได้ง่าย ซึ่งวิธีการหาไอเดีย Keyword ที่มือโปรใช้จะดูจาก Google Suggest และนำไปเช็คใน Keyword Research ซึ่งมีทั้งแบบไม่เสียค่าใช้จ่ายและเสียค่าใช้จ่าย เพื่อให้ได้ Keyword ที่ดีที่สุด

เว็บไซต์กับ Search Engine Optimization หรือ SEO เป็นของคู่กัน ทำให้ทั้งนักการตลาดมือใหม่และมือเก่าจำเป็นที่ต้องเรียนรู้พื้นฐานของ SEO เพื่อนำมาปรับใช้กับเว็บไซต์ของตนเอง ซึ่งข้อดีหลักที่นักการตลาดทราบกันดี คือ จะทำให้เว็บไซต์ติดอันดับการค้นหาบนหน้าแรกของ Search Engine แต่ก็มีหลายคนที่ทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ แต่กลับไม่สามารถทำให้เพิ่มอันดับการค้นหาบน Search Engine ได้เนื่องจากสาเหตุดังต่อไปนี้

เหตุผลที่ทำ SEO แต่อันดับไม่ขึ้น

การทำคอนเทนต์ไม่มีคุณภาพ จริงอยู่ที่การเขียน บทความ SEO จะช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับได้ แต่หากคอนเทนต์เหล่านั้นไม่มีคุณภาพตามที่ Search Engine และกลุ่มเป้าหมายต้องการ ก็ไม่สามารถทำให้เว็บไซต์ติดอันดับได้เช่นกัน ซึ่งองค์ประกอบหลักของการทำคอนเทนต์ให้มีคุณภาพ คือ มีจำนวนคำที่เหมาะสม โดยค่าเฉลี่ยของคำที่เหมาะสมจะอยู่ที่ประมาณ 300 – 500 คำต่อหนึ่งบทความ มีภาพประกอบที่เกี่ยวข้องและเหมาะสมกับเนื้อหาและใช้ Keyword ในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป โดยส่วนใหญ่แล้วการใช้ Keyword ควรอยู่ที่ประมาณ 1% ของจำนวนคำทั้งหมดในหนึ่งบทความ

เว็บไซต์โหลดหน้าช้าเกินไป คนสมัยใหม่รออะไรไม่ได้นาน การที่เว็บไซต์ไม่สามารถตอบสนองได้ทันท่วงที อาจทำให้กลุ่มเป้าใหม่เลิกให้ความสนใจในที่สุด โดยเฉพาะเว็บไซต์ที่ไม่เอื้อต่อการใช้งานบนมือถือยิ่งทำให้เว็บไซต์ด้อยคุณภาพ เนื่องจากในยุคปัจจุบันคนส่วนใหญ่ใช้งานเว็บไซต์บนมือถือมากกว่าอุปกรณ์อื่น ๆ

จัดเรียงเนื้อหาไม่น่าสนใจหรืออ่านยาก การเขียนบทความยาวตามคุณภาพที่ Search Engine ตั้งเป้าไว้เป็นเรื่องดี แต่หากไม่จัดเนื้อหาให้อ่านง่ายและมีความง่ายต่อการทำความเข้าใจ จะทำให้เว็บไซต์กลายเป็นเว็บที่ไม่มีคุณภาพ เนื่องจากมีจำนวนผู้ที่ใช้เวลาในเว็บไซต์น้อย

ใช้บทความซ้ำ การอัปโหลดบทความเป็นประจำทุกวันจะทำให้เว็บไซต์ติดอันดับได้ แต่การใช้บทความซ้ำบ่อย ๆ ไม่อาจทำให้เว็บไซต์ติดอันดับได้ เนื่องจากบทความหรือคอนเทนต์ที่ Search Engine ต้องการนั้น ต้องเป็นบทความที่มีความสดใหม่ ดังนั้นหากต้องการนำบทความเดิมมาใช้อาจต้องรีไรท์ให้เกิดความแตกต่างจากบทความเดิมให้มากที่สุด ซึ่ง https://smallseotools.com/plagiarism-checker/ เป็นเครื่องมือที่จะช่วยตรวจสอบข้อความซ้ำได้ดีระดับหนึ่ง สามารถนำผลการตรวจไปปรับปรุงการเขียนได้

การทำ SEO ให้กับเว็บไซต์ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของการทำคอนเทนต์หรือบทความเท่านั้น แต่การทำ SEO ครอบคลุมไปถึงการตั้งค่าและการจัดระเบียบภายในเว็บไซต์ด้วย ดังนั้น หากต้องการให้เว็บไซต์ติดอันดับ การหลีกเลี่ยงข้อควรระวังข้างต้น จะทำให้เว็บไซต์มีคุณภาพมากขึ้น

รู้หรือไม่ ทำไมทำ SEO แต่อันดับไม่ขึ้น

การทำให้ Yoast SEO แสดงผลไฟเขียว สำคัญอย่างไร

Yoast SEO เป็น plugin อันดับต้น ๆ ที่คนทำงานด้านเว็บไซต์ SEO บอกต่อให้ใช้กัน เพราะจะช่วยให้ผู้ใช้งานโปรแกรม WordPress เขียนบทความประกอบเป็นเว็บไซต์ได้อย่างมีคุณภาพยิ่งขึ้นหลายเท่าตัว ซึ่งการผลิตบทความที่มีเอกลักษณ์ โดดเด่นและมีคำสำคัญที่ตรงกับการสืบค้น จำเป็นสำหรับธุรกิจออนไลน์ทุกประเภทอย่างมาก

ไฟแสดงผลการวิเคราะห์ จากการทำ Yoast SEO

การทำให้ Yoast SEO ขึ้นไฟแสดงผลการวิเคราะห์ส่วนต่าง ๆ ของบทความ SEO เป็นสีเขียวนั้นสำคัญมาก และนับว่าเป็นที่ต้องการของผู้ใช้งานทุกคน เพราะเท่ากับเป็นการการันตีได้ว่าเมื่อนำไปใช้โพสต์ลงในเว็บไซต์แล้ว จะส่งเสริมโอกาสในการแข่งขันทางธุรกิจได้สูงกว่ากรณีที่ขึ้นเป็นไฟสีส้มหรือสีแดง ที่แปลว่าไม่ผ่านหรือต้องปรับปรุง

Yoast SEO เป็นโปรแกรมที่สามารถดาวน์โหลดได้ฟรี ใช้งานได้สะดวก ใช้เวลาเรียนรู้น้อย แม้จะมีการอธิบายเป็นภาษาอังกฤษ ในส่วนคำอธิบายผลวิเคราะห์ แต่ก็เป็นศัพท์ที่เข้าใจง่าย เหมาะกับผู้ใช้งานทั่วไป

ดังนั้น ไม่ว่าจะทำธุรกิจอะไร เช่น การโรงแรม ท่องเที่ยว รีสอร์ท ร้านอาหารขนมหวาน ร้านกาแฟ ขายเสื้อผ้าแฟชั่น กีฬา สินค้ากลุ่มแม่และเด็ก ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพความงาม เครื่องสำอาง สินค้าไอที โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ ก็ควรศึกษาการใช้งาน Yoast SEO ไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ

ในการใช้งาน Yoast SEO คุณสามารถทำให้ผลไฟวิเคราะห์ขึ้นเป็นสีเขียวได้ด้วยวิธีต่าง ๆ ดังนี้

1. การตั้งชื่อบทความ

ไม่ควรจะสั้นหรือยาวมากเกินไป มีการใส่ keyword หลักที่ตรงกับการสืบค้นของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ซึ่งควรจะเป็นคำที่มีความจำเพาะเจาะจง เช่น เพศ รุ่นสินค้า สี ฯลฯ หรือที่เรียกว่า niche long-tailed keyword เช่น ไม่ควรใช้คำว่า รองเท้ากีฬา แต่ควรเป็น รองเท้า adidas รุ่น abc ผู้ชาย ราคาถูก มือสอง เป็นต้น

2. การใช้ keyword

ควรมีคำสำคัญในบทความ เป็น keyword หลักคำเดียว และอาจมีคำรอง อีก 1-2 คำ ก็ได้ โดยต้องเขียนกระจายสม่ำเสมอในบทความ ทั้งส่วนต้น กลางเนื้อหาหลัก และส่วนสรุปจบ

3. ความยาวบทความ

เนื้อหาเรื่องที่ดีในภาษาไทยไม่ควรมีความยาวต่ำกว่า 300 คำ และยิ่งยาวถึง 2,000คำได้ก็ยิ่งดีต่ออันดับ SEO

4. ความเป็นเอกลักษณ์

เนื้อหาบทความต้องมีรายละเอียดเชิงลึกที่น่าสนใจและไม่มีการคัดลอกจากที่ไหน เพราะระบบคอมพิวเตอร์จะตรวจจับและอาจทำให้อันดับความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์ที่นำบทความไปใช้ลดลง

5. การใส่ลิงก์

การทำลิงก์ลงในบทความ จะทำให้ผู้ใช้งานสามารถคลิกที่ตัวอักษร เพื่อขึ้นเป็นหน้าเพจใหม่ได้ในทันที จึงสะดวกและสร้างความประทับใจให้ผู้อ่าน

จะเห็นได้ว่า Yoast SEO มีประโยชน์ต่อการทำธุรกิจออนไลน์อย่างมาก ผู้ที่ต้องการประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ จึงต้องศึกษาการใช้งานเพื่อส่งเสริมให้มียอดขายและจำนวนลูกค้าประจำมากขึ้นเรื่อย ๆ

ไฟแสดงผลการวิเคราะห์ จากการทำ Yoast SEO

Ubersuggest มีอะไรน่าสนใจที่คนทำเว็บไซต์ SEO ต้องรู้

Ubersuggest มีอะไรน่าสนใจที่คนทำเว็บไซต์ SEO ต้องรู้

Ubersuggest เป็นโปรแกรมตัวช่วยที่ดีสำหรับผู้ทำเว็บไซต์ SEO ให้เห็นพัฒนาการและจุดอ่อนของตัวเองในระหว่างขั้นตอนการทำ SEO ที่ต้องมีคุณสมบัติตามกฎเกณฑ์ที่ Google กำหนดอย่างสม่ำเสมอ

หากทำ SEO ได้ดี จะช่วยให้เว็บไซต์นั้น ถูกแสดงผลในหน้าแรกอันดับต้น ๆ เมื่อมีการพิมพ์ค้นหาด้วย keyword หนึ่ง ๆ ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการแข่งขันทางธุรกิจออนไลน์ได้ยิ่งขึ้น

Ubersuggest เป็นเครื่องมือที่ทุกคนสามารถดาวน์โหลดมาใช้งานได้ฟรีจาก https://neilpatel.com/ubersuggest/ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญการตลาดออนไลน์ให้ความเห็นว่าเหมาะกับการเรียนรู้เพื่อส่งเสริม SEO ให้เว็บไซต์ธุรกิจทุกประเภท

เพราะระบบการทำงานออกแบบมาดี ให้สามารถประมวลผลได้ทั้งภาษาไทยและอังกฤษใน keyword ที่ครอบคลุมธุรกิจที่หลากหลาย ทั้งด้านสินค้าสุขภาพ แฟชั่น เครื่องใช้ในครัวเรือน เฟอร์นิเจอร์ รถยนต์ อุปกรณ์ไอที ฯลฯ

Ubersuggest ถูกสร้างมาเพื่อช่วยผู้ทำเว็บไซต์ SEO ใน 3 ด้าน คือ

ช่วยในการหา keyword ที่ดีที่สุด keyword สำคัญกับการคิดหัวข้อและรายละเอียดในบทความ Ubersuggest จะแสดงค่าสถิติที่จำเป็น เช่น อัตราการค้นหาคำสำคัญต่าง ๆ ใน 1 เดือนและมีการระบุนิยามว่า ให้รู้ว่าคำที่นิยมมาก (High) หรือนิยมน้อย (Low)

นอกจากนี้ ยังสามารถแสดงประสิทธิภาพในการแข่งขันของ keyword ให้คุณดูได้ว่า เมื่อใช้ในการผลิตบทความแล้ว จะดึงดูดคนอ่านให้คลิกเข้ามาได้มากน้อยเพียงใด

ใช้วิเคราะห์ค่า traffic ในการเข้าชมในเว็บไซต์ เพียงเจ้าของเว็บไซต์ใส่โดเมนและเลือกประเทศของกลุ่มคนเป้าหมาย หลังจากนั้น กดคำว่าค้นหา ระบบของ Ubersuggest จะแสดงให้เห็นถึงว่า แต่ละเดือนมีสัดส่วนการคลิกเข้ามาชมมากน้อยเพียงใด โดยเป็นเฉพาะสถิติจาก organic SERPs ที่มาจากการจัดอันดับ SEO โดยตรง ไม่นับรวมส่วน Paid SERPs ที่มาจากการจ้างโฆษณา จึงทำให้เห็นตัวเลขที่เปรียบเทียบผลการทำ SEO ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ระบบจะมีคำกำกับเป็นนิยมว่า ยอดเยี่ยมหรือ Great หากมีค่า traffic สูง ให้คุณได้มั่นใจด้วย แต่หากค่า traffic น้อย ระบบจะมีส่วนวิเคราะห์แนะนำให้แก้ไขอย่างตรงจุด

ใช้เพื่อวิเคราะห์คุณภาพ SEO หลังจากใส่ชื่อโดเมนแล้ว ให้คลิกปุ่มวิเคราะห์ SEO จะแสดงให้เห็นว่าส่วน on- page SEO และ off-page SEO ที่ทำสะสมข้อมูลมาเรื่อย ๆ ของเว็บไซต์คุณได้คะแนนอยู่ในเกณฑ์เท่าไหร่

ทั้งยังมีการวิเคราะห์ความแข็งแกร่งของเว็บไซต์ในการแข่งขันทางธุรกิจในมุมมองของระบบ algorithm ให้ดูด้วยว่าอยู่ในเกณฑ์ระดับกี่ดาวและควรต้องเร่งแก้ไขในจุดใดบ้าง

จะเห็นได้ว่า Ubersuggest เป็นตัวช่วยในการทำ SEO ที่ดีจึงไม่น่าแปลกใจที่คนทำเว็บไซต์มืออาชีพ จะศึกษาการใช้โปรแกรมตัวนี้และนำไปต่อยอด เพื่อเสริมสร้างความสำเร็จให้ธุรกิจออนไลน์ได้อย่างยั่งยืน

Ubersuggest ถูกสร้างมาเพื่อช่วยผู้ทำเว็บไซต์ SEO

เว็บไซต์ออนไลน์ ทำ SEO แล้วดีอย่างไร

การซื้อขายสินค้าออนไลน์ เป็นช่องทางหลักของรายได้สำหรับผู้ประกอบการในปัจจุบัน เนื่องจากไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคนิยมหาข้อมูลร้านค้าและคลิกซื้อขายจากหน้าจอมือถือ ที่พกพาประจำตัวตลอด 24 ชั่วโมง

หากต้องการประสบความสำเร็จในการขายสินค้าออนไลน์ จึงต้องมีเว็บไซต์ที่ทำ SEO หรือ Search Engine Optimization ที่จะทำให้มีโอกาสแสดงผลเว็บไซต์เป็นอันดับต้น ๆ Top5 Top10 ของหน้าแรกได้ ทำให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมีความเชื่อถือและมีโอกาสได้รับออเดอร์สินค้ามากกว่าเว็บไซต์อันดับล่าง ๆ

นอกจากที่กล่าวมาแล้ว ข้อดีที่เว็บไซต์ที่ทำ SEO จะได้รับ ยังมีอีกมากมาย ดังนี้

1. ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการจ้างโฆษณา เนื่องจากการทำ SEO ที่ Search Engine อย่าง Bing, Yahoo และ Google กำหนดกฎเกณฑ์ไว้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ประกอบการเว็บไซต์ออกแบบโครงสร้างและใส่เนื้อหาที่มีความทันสมัย ไม่มีการคัดลอกเนื้อหาจากบทความที่มีลิขสิทธิ์อื่น ๆ ผู้ที่ทำได้ตามหลักเกณฑ์ ระบบอัลกอริทึมจะวิเคราะห์ให้เป็นเว็บไซต์ที่มีคุณภาพและแสดงผลอยู่อันดับต้น ๆ เมื่อมีการสืบค้น จึงไม่จำเป็นต้องโฆษณาให้เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

2. เป็นการสร้างฐานลูกค้าที่กว้างขวาง ทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะเว็บไซต์ที่ทำเป็นระบบหลายภาษา จะสามารถเข้าถึงลูกค้าที่ใช้ภาษาต่างประเทศได้ทั่วโลก การทำ SEO จะทำให้การค้นหาเว็บไซต์ของคุณเจอได้ง่ายยิ่งขึ้นหลายเท่าตัว จึงทำให้แบรนด์สินค้าเป็นที่รู้จักและเกิดฐานลูกค้าที่กว้างขึ้นตามไปด้วย

3. ทำให้แบรนด์เป็นที่น่าเชื่อถือ ลูกค้าในปัจจุบันมักมีการหาข้อมูลจากการรีวิวสินค้า และการอัปเดตข้อมูลที่ทันสมัยอยู่เสมอ การทำ SEO เป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ระบบเก็บข้อมูลแบบสะสม สำหรับการประมวลผลเป็นระยะ ซึ่งหากอันดับอยู่ด้านบนของหน้าจอสืบค้นเสมอ ก็แสดงถึงความใส่ใจในคุณภาพของเว็บไซต์ ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกไว้วางใจ ว่าจะได้สินค้าดี มีคุณภาพ และมีบริการที่น่าประทับใจด้วย

4. ทำให้ปรับภาพลักษณ์ใหม่ สำหรับเว็บไซต์ที่เปิดมานานนับสิบปี มักมีรูปแบบที่ไม่ดึงดูดใจลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย การพัฒนาเว็บไซต์ให้เข้าสู่ระบบ SEO จะทำให้เกิดการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ มีการออกแบบเว็บไซต์ให้สวยงาม แยกหมวดหมู่สินค้าที่ชัดเจน แยกจากแบนเนอร์โฆษณา และมีการคิดโลโก้ที่ตรงใจเป็นที่จดจำของลูกค้าเป้าหมายมากขึ้น ที่สำคัญ คือ การให้ความสำคัญกับบทความ SEO ที่ต้องใช้ Keyword ที่เหมาะสม และมีความทันสมัยของเนื้อหา จะทำให้ลูกค้าประจำมีความเชื่อมั่นและติดตามการเคลื่อนไหวของแบรนด์ยาวนานขึ้น และทำให้มีลูกค้าใหม่มากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างแน่นอน

จะเห็นได้ว่า การทำ SEO ให้เว็บไซต์ มีประโยชน์รอบด้าน ทั้งกับเว็บไซต์เก่าและใหม่ ที่จำหน่ายสินค้าและบริการทุกประเภท ขอเพียงศึกษาหลักการทำ SEO อย่างถูกต้องและสม่ำเสมอในการพัฒนาเว็บไซต์ ก็จะประสบผลสำเร็จในธุรกิจตามมา

ข้อดีที่เว็บไซต์ที่ทำ SEO จะได้รับ

ขั้นตอนการทำ SEO อย่างง่าย อยากขายดีในโลกออนไลน์ต้องอ่าน

ขั้นตอนการทำ SEO อย่างง่าย มีดังนี้

การทำ SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นเทคนิคการตลาดที่ไม่ต้องจ่ายค่าพื้นที่โฆษณาอย่างการทำ SEM หรือ Search Engine Marketing ผู้ที่ทำธุรกิจในโลกออนไลน์จึงควรศึกษาขั้นตอนการทำ SEO และนำไปปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ จะเพิ่มยอดขายได้เป็นอย่างดี

ขั้นตอนการทำ SEO อย่างง่าย มีดังนี้

1. การหา Keyword ที่เหมาะสมสำหรับการผลิตบทความ โดยเลือก Keyword จากการจากผลสถิติใน Google ที่กลุ่มคนเป้าหมายใช้พิมพ์เพื่อหาร้านค้าออนไลน์ที่น่าสนใจ การใช้คีย์เวิร์ดเหล่านี้ผลิตบทความจะทำให้อันดับ SEO ในหน้าต่างการค้นหาสูงขึ้น มีโอกาสปรากฏให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมากขึ้น

2. ใช้ Keyword หลักมาตั้งหัวข้อที่น่าสนใจ จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการถูกคลิกเข้ามาชม เพิ่มค่า CTR หรือ Click Through Rate ได้ มีโอกาสให้ขยายฐานลูกค้าที่จะมาเลือกใช้บริการหรือซื้อสินค้าได้มากขึ้นอีกหลายเท่าตัว

3. ปรับปรุงโครงสร้างเว็บไซต์ให้สวยงามและใช้งานง่าย ส่วนนี้อาจศึกษาด้วยตัวเองหากต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย หรือปรึกษากับนักพัฒนาเว็บไซต์ที่มีประสบการณ์ ตัวอย่างเช่น การจัดหมวดหมู่สินค้าที่ชัดเจนแยกจากการโฆษณา และส่วนการติดต่อกับทีมงานบริหารเว็บไซต์

4. มีการใช้ AI ในการตอบคำถาม หรือ Chatbot จะช่วยให้เพิ่มภาพลักษณ์ที่ดี ดูมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้นในสายตาลูกค้า จะทำให้ยอดขายสูงขึ้นตามมาอย่างแน่นอน

5. ออกแบบโลโก้ ตัวอักษรและธีมสีให้มีความเป็นเอกลักษณ์ นอกจากบทความต้องมีคุณภาพแล้ว การมีโลโก้ที่สวยงามจดจำง่าย ตลอดจนตัวอักษรและสีที่แตกต่างจากเว็บอื่นเป็นสิ่งสำคัญ จะเป็นเทคนิคที่ทำให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายนึกถึงแบรนด์ของคุณเป็นอันดับแรกเมื่อต้องการใช้สินค้า

6. ทำลิงก์หรือ Backlink เพื่อการขยายฐานลูกค้า เพิ่มโอกาสให้ลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ได้รู้จักเว็บไซต์ของคุณด้วย วิธีการทั่วไปที่ใช้การคือการเข้าไปอยู่ในวงสนทนาในโลกโซเชียล เพื่อให้เรียนรู้ปัญหาและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้ใช้สินค้าที่คุณจำหน่ายขณะเดียวกัน คุณก็สามารถให้ข้อเท็จจริงและแนะนำสินค้ารุ่นใหม่ ๆ ได้ หากมีผู้ที่สนใจต้องการข้อมูลเพิ่มหรือซื้อสินค้า จะได้ติดต่อไปที่เว็บไซต์ของคุณได้

7. การทำเว็บไซต์ SEO แบบหลายภาษาเพื่อเผยแพร่ข้อมูลธุรกิจของคุณไปยังต่างประเทศได้มากขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจที่เป็นการท่องเที่ยวและการโรงแรม ซึ่งควรมีผู้ทำหน้าที่ตอบคำถามจากลูกค้าต่างชาติด้วยความเป็นมืออาชีพและมีความจริงใจให้บริการ จะทำให้ได้รับยอดการสั่งซื้อ สั่งจองสินค้าและบริการจากผู้คนได้ทั่วโลกตลอด 24 ชั่วโมง

จะเห็นได้ว่า ขั้นตอนการทำ SEO มีหลายองค์ประกอบที่สามารถทำควบคู่ไปพร้อมกัน ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดแนะนำว่าหากทำ SEO ให้เว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอ แม้ต้องใช้เวลา 3 ถึง 6 เดือนขึ้นไปจึงจะเห็นผล แต่ก็คุ้มค่าทั้งด้านฐานลูกค้าและยอดขายที่เพิ่มขึ้นและมั่นคงในระยะยาว

ขั้นตอนการทำ SEO อย่างง่าย อยากขายดีในโลกออนไลน์ต้องอ่าน