คิดจะหาที่ปรึกษา SEO สักคน ต้องเลือกให้ดี

มองหาที่ปรึกษา SEO

ในการหาที่ปรึกษาสักคนเป็นเพื่อนคู่คิด ไม่ว่าธุรกิจอะไรก็ตามก็จำเป็นต้องรู้ก่อนว่าที่ปรึกษาคนนั้นมีความเข้าใจในเรื่องนั้นๆมากน้อยแค่ไหน หากเราทำบริษัทเกี่ยวกับรับเหมาก่อสร้าง หากมีที่ปรึกษาเป็นคนที่ถนัดด้านการคำนวนต้นทุนวัสดุที่ใช้ก่อสร้าง มีความรู้และประเมินราคารับเหมาเบื้องต้นได้ มันก็ย่อมเป็นเรื่องที่ดีกว่ามีที่ปรึกษาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกับธุรกิจของเราเลย มีแต่จะคุยกันไม่รู้เรื่อง เสียเงินค่าที่ปรึกษาปล่าวๆ หรือหากเขายินดีให้คำปรึกษาฟรี แม้จะมีความหวังดีเป็นที่ตั้ง แต่ก็อาจพาธุรกิจของเราเจ๊งไม่เป็นท่าได้

ในเรื่องของกระบวนการทำ Search Engine Optimization ก็เช่นเดียวกัน หากเราไม่ดูพื้นฐานของคนที่จะเข้าไปขอคำปรึกษาให้ดีเสียก่อน บางทีเขาอาจขี้โม้ให้เราฟัง ฟังแล้วเราไปทำตาม พอทำเสร็จเว็บหายจากระบบค้นหา แล้วแบบนี้จะไปโทษใคร จะโทษคนที่เราไปขอคำปรึกษาก็ไม่ถูก เพราะเราเลือกไปถามเขาเอง หากไม่ต้องการให้สภาวะแบบนั้นเกิดขึ้นกับเว็บไซต์กิจการของเรา ก่อนจะหาบัดดี้คู่คิดไว้คอยแลกเปลี่ยนมุมมองการทำ SEO ไว้สักคน เราก็ควรจะดูพื้นฐานความสามารถของเขาคนนั้นเสียก่อน เขาเคยทำเว็บไซต์ติดหน้าแรกของผลการค้นหามาเยอะแค่ไหน เว็บที่ทำแล้วหายมีหรือไม่ เป็นคนขี้โม้ไปวันๆหรือมีความสามารถจริง และข้อสำคัญเลยก็คือ เขาพร้อมแบ่งปันข้อมูลที่ถูกต้องให้กับเราหรือปล่าว ข้อนี้จะสำคัญมากเพราะต่อให้เก่งแค่ไหนถ้าเขาไม่อยากบอกเรามันก็เท่านั้น ยิ่งไปกวนใจเขาบ่อยๆ ดีไม่ดีอาจจะเจอสวนกลับมา ไม่ก็หลอกให้ไปทำวิธีที่ไม่ได้ผลแทนเพราะเราไปกวนใจมากจนเขาเกิดความรำคาญอะไรแบบนี้

มรรยาทในการขอคำปรึกษา SEO

ข้อมูลที่เราจะรู้ได้ว่าใครเข้าใจจริงหรือไม่เข้าใจในเรื่อง SEO เราไม่ควรจะไปถามเขาว่า “ไงพี่.. ได้ข่าวว่าพี่เก่ง SEO หรอ.. ขอดูผลงานหน่อยสิ.. ถ้าพี่มีผลงานผมจะขอคำปรึกษานะ..” แม้แต่ตัวผมเองถ้าเจอถามมาแบบนี้ผมก็จะเงียบไม่ตอบ หากยังทักแนวๆนี้มาไม่เลิกก็อาจจะบล็อกเฟสบุ๊คคนนั้นไปเลย เราจะขอข้อมูลจากใครก็ควรทำในระดับที่มีมรรยาท หากเราติดตามผลงานของนัก SEO คนไหนมาสักระยะ เราก็จะพอทราบเองว่าใครที่พอจะให้คำปรึกษากับเราได้ คนใจดีในวงการ SEO นั้นมีมาก แต่ต้องรู้จักถามโดยใช้ประโยคที่เหมาะสม พื้นฐานมนุษย์ย่อมอยากที่จะแบ่งปันอยู่แล้ว หากตนเองไม่ได้เสียผลประโยชน์มากมายนัก หากเราเจอคนรู้ใจไว้แลกเปลี่ยนมุมมอง ก็ควรแบ่งปันความรู้ที่ตนเองมีอยู่ให้กับผู้อื่นตอบแทนด้วย หรืออย่างน้อยที่สุดก็ควรจะขอบคุณผู้ที่ให้คำปรึกษาเราเพื่อเป็นการรักษามรรยาทที่ดี

ไม่ว่าเราจะถามมหาเทพเซียน SEO ของไทยหรือของต่างประเทศ เราจะไม่มีทางรู้จริงได้เลยหากขาดการนำไปทดลอง ผมเคยเจอกลุ่มคนที่อารมณ์แบบว่า มาขอความรู้ แล้วพอได้ก็เอาไปเขียน E-Book ขายซะงั้น คือมันก็เป็นสิทธิของเขาเพราะเราให้ข้อมูลด้วยใจเอง แต่มันผิดหลักความเหมาะสม ที่สำคัญคือ ความรู้ที่ได้ไปยังไม่ได้ลองใช้เองจริง แต่เอามาเขียนขายหาเงินเข้ากระเป๋าเลย แล้วแบบนี้เวลามีคนซื้อติดปัญหาบางจุดจะตอบเขาได้หรอ สุดท้ายก็ย้อนมาถามผมอีกอยู่ดีนี่นา กลายเป็นทำคุณแต่ได้บาป บาปเพราะคนที่เราแนะนำข้อมูลไป เขาเสือกไปหลอกแดกเงินคนอื่นโดยที่ตนเองก็มีแค่ความรู้ แต่ไม่ได้รู้จริง รู้จริงจะเกิดได้ก็ต่อเมื่อทดลองทำเองเท่านั้น หลังๆผมก็ไม่ค่อยได้ตอบข้อมูลมากนักหากเป็นคนที่เคยมีประวัติเสียเรื่องแบบนี้มา เพราะไม่รู้ว่าจะมาดีหรือร้าย เพื่อที่จะสร้างสังคมที่ดีในวงการ SEO เราก็ต้องทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีด้วย มอบสิ่งดีๆให้กับคนรอบตัว ถึงแม้จะไม่ได้ผลลัพธ์กลับมาเป็นตัวเงิน แต่ก็ได้กลับมาเป็นสภาวะจิตใจที่สูงขึ้นกว่าแต่ก่อนแน่นอน ทำดีหวังผลใครๆก็ทำได้ แต่ทำดีไม่หวังอะไรใครเล่าจะทำได้สม่ำเสมอ หากเราทำได้ก็แปลว่าเรามีจิตใจที่ยกสูงกว่าเพื่อนๆคนอื่น มาเริ่มฝึกนิสัยให้รู้จักแบ่งปันกันเถอะ

จุดเริ่มต้นของการสร้างเว็บรับปรึกษา SEO

จุดเริ่มต้นของ SEO

หากมองย้อนไปสักช่วงปี พ.ศ. 2552 ตัวผู้เขียนเองได้เริ่มต้นเข้าสู่วงการหารายได้ทางอินเตอร์เน็ต ฝึกหัดหาเงินออนไลน์มาตั้งแต่พวกเว็บคลิกได้เงิน นั่งคลิกทั้งวันได้มา $0.5 ตกเป็นเงินไทยประมาณ 20 บาทจากการนั่งคลิกทั้งวัน แต่แล้วก็พบว่า เอ๊ะ.. วิธีนี้มันคงไม่เหมาะเท่าไหร่ เหมือนชีวิตขาดทุนหนักลงทุกวันๆเพราะเราต้องมานั่งคลิก น่าเบื่อและเงินน้อยอีก บางทีก็เจอเว็บไซต์โกงเงินไม่จ่าย ต่อมาก็เริ่มหัดทำเว็บและงานออนไลน์อีกหลายรูปแบบมากจนมาพบกับเรื่องราวของ SEO ซึ่งการทำ SEO มันเป็นคำตอบที่แท้จริงในการหารายได้ออนไลน์ หากเราได้ทำการบ้านวิเคราะห์คีย์เวิร์ดมาอย่างดีแล้วว่าคีย์เวิร์นี้แหละที่จะทำเงินให้เรา หากเว็บไซต์ของเราขึ้นไปติดอยู่หน้าแรกของผลการค้นหา อาจจะอยู่ช่วง 1-3 อันดับแรก เป็นไปได้ยากมากที่เราจะไม่มีลูกค้าเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ

เรื่องของเรื่องคือ ตอนแรกผู้เขียนเองก็ยังงูๆปลาๆอยู่เหมือนกัน ไม่รู้หรอกว่าการที่เว็บของเราไปติดอันดับแรกๆของการค้นหาจะทำให้มีลูกค้าเข้ามามากขึ้น แต่มันมีอยู่ช่วงนึงที่การโพสเว็บบอร์ดนอกจากจะโพสหาลูกค้าได้ ยังช่วยทำอันดับบน Google ได้ไปในตัวด้วย ตอนนั้นเองผู้เขียนไม่ได้ใส่ใจเรื่องของอันดับบนเว็บค้นหา แค่หวังหาลูกค้าจากเว็บบอร์ดซื้อขายต่างๆไปวันๆ แต่อยู่ๆก็มีลูกค้าเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตอนแรกคิดว่ามาจากเว็บบอร์ด ลองสุ่มสอบถามลูกค้าที่ติดต่อเข้ามาว่าหาข้อมูลมาจากไหน ส่วนใหญ่จะตอบว่า “เจอใน Google” ทำให้อึ้งอยู่นิดหน่อยแล้วไปหาคีย์เวิร์ดที่ลูกค้าบอกมาว่าพิมพ์คำนี้แล้วเจอ หลังจากนั้นก็เริ่มทำหลายๆคีย์เวิร์ดมากขึ้นในวิธีเดิมจนหน้าเว็บติดหลายคีย์เวิร์ดมาก เรียกว่าเป็นช่วงขาขึ้นก็ว่าได้เลย ทำให้รู้ว่า SEO นี่แหละเป็นคำตอบที่ดีที่สุดในการหาเงินออนไลน์

เมื่อ Google อัพเดทอัลกอริทึ่ม ชีวิตก็เปลี่ยน

หลังจากได้เงินรายวันแน่นๆมาไม่กี่เดือน Google ก็ได้มีการอัพเดทอัลกอริทึ่ม ซึ่งรวมตั้งแต่บอทที่มาเก็บข้อมูลและปัจจัยการคำนวนอันดับ ทำให้เว็บไซต์ตกอันดับจาก Google ร่วงหายไปในพริบตา และไม่มีวี่แววจะกลับมาอีกด้วย วันๆได้แต่หวังว่าเว็บจะกลับมา คิดว่าทาง Google เองคงจะอัพเดทอะไรผิดพลาด แต่การรออยู่เฉยๆไม่ใช่คำตอบ เลยเลือกเข้าร้านหนังสือเพื่อค้นหาหนังสือสอน SEO พอศึกษาได้ที่ก็พบว่า อ้อ ! มันเป็นอย่างนี้นี่เอง Google ไม่ได้อัพเดทอะไรผิดพลาด แต่เป็นเพราะตัวแปรที่ใช้คำนวนเรื่องอันดับได้ให้ความสำคัญของ Backlinks พวกเว็บบอร์ดลดลง และด้วยความที่เราทำเยอะมาก โพสเป็นพันเว็บทุกๆวันซ้ำๆ ยิ่งเข้าข่ายสแปมมากขึ้นไปเรื่อยๆ หลังจากที่เริ่มพอจะเข้าใจก็เกิดอารมณ์กระหายความรู้ ลงเรียนคอร์ส SEO หลายแห่ง ซื้อ E-Book จากกูรูทั้งหลายมาอ่านจนเงินค่าเรียนหมดเกือบแสน แต่ผลสุดท้ายลองกลับมาทำดูมันไม่ได้อันดับดีอย่างที่ควร ที่น่าผิดหวังไปกว่านั้นคือ แต่ละแห่งสอนเหมือนๆกัน แต่เอามาใช้งานจริงในปัจจุบันช่วงนั้นไม่ได้ ผู้สอนเขาคงลืมไปว่า Google มันมีการอัพเดทอยู่ตลอดล่ะมั้ง เลยคิดว่าวิธีเดิมๆจะใช้ได้ผลอยู่

จากเงินที่สูญเสียไปมากและทดลองอย่างหนักแต่ผลลัพธ์ไม่ได้เป็นดังหวัง จึงขอเริ่มนับ 1 ใหม่แบบถอดความรู้ทั้งหลายออกจากหัว แล้วคิดในมุมมองมิติเดียวว่า ถ้าเราเป็นเว็บ Search Engine เราอยากได้เว็บแบบไหนมาติดหน้าแรกล่ะ หากคำตอบคือเว็บที่ถูกใจผู้ใช้งานส่วนมาก เราก็แค่เริ่มต้นทำเว็บที่ถูกใจผู้ใช้งานเท่านั้นเอง ผลลัพธ์ออกมาตามคาด คืออันดับเว็บดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่ไวเหมือนช่วงแรกสมัยโพสเว็บบอร์ด จึงได้ใช้วิชาที่เรียนมาผสมผสานเข้าไป ในเรื่องของการปรับ On Page การรู้ว่าลิงค์แบบไหนควรจะใส่ดี ลิงค์แบบไหนควรเลี่ยงให้ไกล หลังจากพยายามทำและปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เว็บส่วนใหญ่ก็ขยับอันดับดีขึ้นถึงแม้จะไม่ทั้งหมดก็ตาม ทำให้ได้เรียนรู้บทเรียนใหม่ว่า เราจะเซียน SEO ได้ต้องทดลองด้วยตัวเองเท่านั้น และแต่ละช่วง ปัจจัยการทำอันดับย่อยๆก็จะมีการลดค่าความสำคัญไปบางส่วน และบางส่วนก็จะเพิ่มความสำคัญเข้ามาแทนที่ ซึ่งก็แล้วแต่ผู้ให้บริการ Search Engine เจ้านั้นๆว่าจะเอาอะไรมาเป็นปัจจัยคำนวนอันดับบ้าง

ไม่อยากให้พี่น้องวงการ SEO เมืองไทยต้องหมดเงินอย่างศูนย์ปล่าว

หลังจากเสียเงินไปเกือบแสนซึ่งบทเรียนราคาแพง ทำให้รู้ว่าแท้จริงแล้วการทำ SEO ไม่ได้ยากหรือง่ายจนเกินไป เพียงแต่เราต้องเข้าใจกลไกโดยรวมของมันและหมั่นทดลอง เมื่อเห็นแบบนี้ก็กลัวว่าเพื่อนๆหน้าใหม่ที่พึ่งเข้าวงการ SEO จะถูกคนที่ไม่ได้มีความรู้ SEO แต่เลือกมาเปิดรับสอน SEO โดยกะฟันค่าเรียนจนเพื่อนๆอาจหมดตัวถอดใจไปเสียก่อนจากวงการนี้ก็ได้ อะไรที่ผู้เขียนทดลองมาแล้วทำอันดับได้ หากมีเวลาว่างก็ยินดีที่จะช่วยเหลือให้คำแนะนำแก่เพื่อนๆที่สนใจ ไม่ต้องมาหมกเม็ด ไม่ต้องไปเสียเงินเรียนแพงๆ เรียนแค่เรื่องที่เราอยากรู้โดยเฉพาะก็พอ เช่น อยากรู้ว่าปลั๊กอินเวิร์ดเพลสตัวนี้ตั้งค่ายังไง หากมีผู้รับสอนก็เรียนแค่เรื่องนั้นๆพอ ไม่ต้องไปเสียเงินเรียนซะทุกเรื่อง เพราะเดี๋ยวนี้อินเตอร์เน็ตเราเข้าถึงได้ง่าย แหล่งความรู้มีอยู่เต็มไปหมด สิ่งสำคัญคือศึกษาแล้วต้องทดลองทำถึงจะพบคำตอบว่าวิธีนี้ใช้ได้จริงไหม แม้แต่คำแนะนำจากผู้เขียนที่แบ่งปันให้ก็ต้องเอาไปทดลองเองด้วย เพราะวิธีทำ SEO แบบเดียวกัน ผู้เขียนอาจเคยทำมาในช่วง 3 เดือนก่อนแล้วมันได้ผลดี แต่ปัจจุบันอาจไม่ดีอย่างที่ควร หรือไม่ก็หากเวลาผ่านไปอาจจะใช้วิธีเดิมนี้ไม่ได้แล้ว แบบนี้เป็นต้น ทุกๆงานที่เราอยากประสบความสำเร็จ นอกจากจะมีที่ปรึกษาแล้ว เรายังต้องล้มลุกคลุกคลานกับมันเองด้วย