Plugin yoast SEO ใช้งานอย่างไรเพื่อพัฒนาเว็บไซต์ SEO

Plugin yoast SEO ใช้งานอย่างไรเพื่อพัฒนาเว็บไซต์ SEO

การทำเว็บไซต์ SEO เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจออนไลน์ประสบความสำเร็จได้ตามหลักเกณฑ์ที่ search engine อย่าง Google กำหนด ทั้งนี้มี plugin yoast SEO ที่คนไทยที่ทำเว็บไซต์ออนไลน์นิยมใช้ สำหรับการตรวจสอบประสิทธิภาพขององค์ประกอบต่าง ๆ ในเว็บไซต์ SEO โดยเฉพาะการผลิตบทความบนโปรแกรม wordpress เราจึงได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการใช้ plugin yoast SEO มาฝากกัน ดังนี้

1. หลังติดตั้ง plugin yoast SEO แล้วการเขียนบทความจะแสดงอยู่ในกล่องที่เรียกว่า yoast metabox ซึ่งจะมีช่องให้เขียนส่วนหัวเรื่อง หรือ title และ description เป็นการย่อเรื่องราวของเนื้อหาในเพจลงมาเป็นคำสั้น ๆ เพียงไม่กี่ประโยค เพื่อให้ผู้อ่านได้รู้ว่าหากคลิกเข้ามาในเว็บไซต์ แล้วจะได้รับข้อมูลความรู้เกี่ยวกับเรื่องใดบ้าง

2. มีสีแดงเขียวโชว์ผลแบบชัดเจน การใส่ข้อมูลและการปรับแต่งต่าง ๆ ใน plugin yoast SEO ทำได้ง่ายดายผ่านปุ่ม edit snippet ที่จะมีผลโชว์ในทันทีเป็นสีแดงและสีเขียว หากเป็นสีเขียวก็แสดงว่าควรเติมข้อมูลต่อไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเป็นสีแดงก็ควรหยุด (ถอยกลับมาให้เป็นสีเขียวจึงดีที่สุด) ซึ่งมาจากการวิเคราะห์อ้างอิงกับระบบ SEO ของ Google

3. สามารถใช้เพื่อใส่ข้อมูลสำหรับการโชว์บนแพลตฟอร์มอื่นที่ไม่ใช่เว็บไซต์ เช่น Facebook ได้ การใช้ plugin yoast SEO เชื่อมสู่ Facebook มีข้อดี คือ การเข้าหากลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้สะดวกรวดเร็วขึ้น โดยใช้ plugin yoast SEO ในการปรับแต่งค่าต่าง ๆ ให้มีความแตกต่างจากการปรากฏบนเว็บไซต์ปกติ โดยสามารถเลือก Facebook title เพื่อคิดหัวเรื่องแบบสั้นกระชับสั้นใน Facebook ส่วน Facebook descriptionเพื่อใส่เนื้อหาสรุปที่จูงใจผู้อ่าน และการใส่รูปหน้าปกที่ดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย โดยคลิกที่ Facebook image ก็จะทำการ upload ได้สำเร็จอย่างง่ายดาย

4. การตั้งค่า sitemap ใน plugin yoast SEO มีฟังก์ชั่นที่สามารถช่วยสร้างหน้าสารบัญได้ในพริบตา ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการให้ search engine อย่าง Google มาเก็บข้อมูลอย่างรวดเร็ว แล้วนำไปวิเคราะห์ด้วยระบบ algorithm ทำให้เห็นผลการเปลี่ยนแปลงอันดับ SEO ได้ไวขึ้น วิธีการ คือ ให้กดปุ่ม enable เพื่อให้ระบบ plugin yoast SEO สร้างหน้า sitemap ให้โดยอัตโนมัติ หลังจากนั้นต้องคลิกที่ปุ่ม xml sitemap เพื่อดูผลลัพธ์การตั้งสารบัญ ก่อนจะทำการคัดลอก URL เพื่อกรอกลงในโปรแกรม Google search console เพื่อให้ AI ของ search engine มาเก็บข้อมูลต่อไป

การใช้ plugin yoast SEO มาฝาก

จะเห็นได้ว่า plugin yoast SEO เป็นตัวช่วยที่ดี สำหรับการวิเคราะห์คุณภาพขององค์ประกอบและช่วยพัฒนาเว็บไซต์ SEO ทำให้อันดับเว็บไซต์ทางธุรกิจดียิ่งขึ้นได้ ที่สำคัญคือ การเรียนรู้เพื่อใช้ประโยชน์ plugin yoast SEO ด้วยความเข้าใจอย่างถ่องแท้ ที่จะทำให้เห็นผลการเปลี่ยนแปลงเพิ่มยอดขาย ควบคู่กับการขยายฐานลูกค้าประจำและลูกค้าใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง

SEO กับ SEM ทำควบคู่กันได้หรือไม่ มือใหม่ขายของออนไลน์อยากรู้

SEO กับ SEM ทำควบคู่กันได้หรือไม่ มือใหม่ขายของออนไลน์อยากรู้

SEO และ SEM เป็นเทคนิคการตลาดที่กูรูด้านการขายสินค้าออนไลน์กล่าวถึงไว้อย่างมากมายในช่วง 2-3 ปีมานี้ นักธุรกิจหน้าใหม่จำนวนไม่น้อย ที่เพิ่งเข้ามาในวงการขายสินค้าออนไลน์ อาจยังสงสัยว่าทั้ง SEO และ SEM นั้น ต่างกันอย่างไร ทำควบคู่กันได้หรือไม่ เราจึงได้รวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจมาฝากกันไว้ที่นี่ ดังนี้

การทำ SEO หรือ Search Engine Optimization

เป็นการพัฒนาเว็บไซต์โดยเฉพาะส่วนของพื้นฐานเพื่อสร้างความประทับใจให้ลูกค้าผู้ใช้งาน และรวมถึงการผลิตบทความ SEO ที่มีคุณภาพ ในส่วนของโครงสร้างเว็บไซต์ ต้องออกแบบให้ใช้งานได้ง่ายทั้งระบบคอมพิวเตอร์และมือถือ เพื่อสอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้เครื่องมือสื่อสารของผู้คนยุคปัจจุบัน ขณะเดียวกัน ก็มีการออกแบบหน้าตาของแต่ละเพจให้มีรูปลักษณ์ที่จดจำได้ง่าย เช่น ติดโลโก้ที่สวยงาม มีธีมสีสันที่สื่อสารถึงแบรนด์สินค้าได้ดี ใช้ตัวอักษรที่ออกแบบใหม่เฉพาะแบรนด์ ฯลฯ

ที่สำคัญคือ การผลิตบทความที่มีคุณภาพ โดยใช้ Keyword SEO เป็นแกนหลัก ในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ต้องทำการวิจัย หา Keyword ที่เหมาะสมและตรงกับที่กลุ่มเป้าหมายใช้พิมพ์ค้นหาในกล่องเครื่องมือค้นหาของ Google, Bing และ Yahoo หากผลิตบทความ SEO ที่มีคุณภาพสม่ำเสมอ จะทำให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏเป็นอันดับต้น ๆ เมื่อมีการค้นหา จากผลการประมวลและจัดอันดับ SEO ของระบบอัลกอริทึมของ Search Engine นั้น ๆ

ส่วน การสร้าง BackLink เชื่อมโยงเว็บไซต์ของคุณกับเว็บไซต์ภายนอกในโลกโซเชียล เช่น เชื่อมกับเพจใน Facebook หรือสังคม Pantip ก็เป็นเทคนิค SEO ที่นิยม และช่วยในการขยายฐานลูกค้าใหม่ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน

การทำ SEM หรือ Search Engine Marketing

เป็นการซื้อพื้นที่โฆษณา เพื่อให้มั่นใจว่าแบรนด์ของคุณจะถูกนำเสนออยู่ในหน้าต่างการสืบค้นอันดับต้น ๆ อย่างแน่นอน เมื่อกลุ่มเป้าหมายพิมพ์หาโดยใช้ Keyword ที่ตรงกับที่คุณระบุ การทำ SEM จะมีค่าใช้จ่ายแบบ PPC หรือ Pay Per Click เมื่อมีการคลิกลิงก์จากหน้าโฆษณาไปที่เว็บไซต์ของคุณ ซึ่งคุณจะต้องชำระเงินให้แก่ Search Engine ตามเงื่อนไขที่ได้กำหนดไว้ตั้งแต่ต้น อย่างไรก็ตาม หากมีการคลิกแล้วไม่เกิดการซื้อขาย ก็เท่ากับเป็นต้นทุนที่คุณต้องจ่าย โดยไม่ได้ขายสินค้านั่นเอง

โดยหลักการแล้ว การขยายแบรนด์ในช่วงเวลาอันสั้น ด้วยการทำ SEM ถือว่ามีประสิทธิภาพสูงมาก และเหมาะกับช่วงที่คุณต้องกำลังทำโปรโมชั่น ขายสินค้ารุ่นใหม่ หรือ ตรงกับช่วงเทศกาลอย่าง ปีใหม่ ตรุษจีน สงกรานต์ คริสต์มาส เป็นต้น

ด้วยเหตุที่กล่าวมา การทำ SEO และ SEM จึงเป็นสิ่งที่สามารถทำควบคู่กันได้ ขอเพียงคุณใส่ใจการใช้ Keyword ที่ตรงกับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่เหมาะสม รู้จักจังหวะเวลาที่ควรใช้แต่ละเทคนิค ก็จะช่วยส่งเสริมการขายซึ่งกันและกันได้เป็นอย่างดีแน่นอน

v