ทำ SEO ยังไงให้ปัง เพิ่มยอดขายและฐานลูกค้าในแบบที่คุณต้องการ

ทำ SEO ยังไงให้ปัง เพิ่มยอดขายและฐานลูกค้าในแบบที่คุณต้องการ

การทำ SEO ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงระยะเวลาที่ผ่านเนื่องด้วยสามารถพิสูจน์ให้ผลลัพธ์ได้ว่าการทำ SEO อย่างเหมาะสมสามารถที่จะช่วยให้เว็บไซต์ไปอยู่ในจุดที่เจ้าของเว็บไซต์ต้องการ ช่วยเพิ่มโอกาสในด้านธุรกิจ ได้เปรียบกว่าคู่แข่งและประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมาย หลายคนจึงหันมาเรียนรู้การทำ SEO มากขึ้นแทนการที่จะโปรโมทเว็บไซต์ผ่านโฆษณาอย่างเดียว โดยจะพาทุกคนไปพบกับวิธีการทำ SEO ที่นักธุรกิจควรต้องรู้ เพื่อการเพิ่มยอดขายและขยายฐานลูกค้าในแบบที่คุณต้องการ

  • มีการปรับแต่งคีย์เวิร์ดให้สอดคล้องกับเนื้อหา การกระจายตัวของคีย์เวิร์ดในเนื้อหาก็ควรที่จะมีความเหมาะสม ยกตัวอย่างเช่นในแต่ละย่อหน้าก็ควรที่จะมีคีย์เวิร์ดสอดแทรกอยู่แต่เน้นในเรื่องของความเป็นธรรมชาติ พูดง่าย ๆ ก็คือต้องไม่พยายามยัดเยียดคีย์เวิร์ดให้มากจนเกินพอดี เพราะจะทำให้เนื้อหานั้นดูไม่น่าสนใจ

  • มี Backlink ซึ่งก็คือการที่มีลิงก์ของเว็บไซต์ตนเองไปปรากฏอยู่ที่เว็บไซต์อื่น ๆ เพื่อที่ว่าผู้คนที่มีความสนใจสามารถที่จะมีการคลิกกดเข้ามาแล้วลิงค์กลับมาที่เว็บไซต์ได้ ด้วยที่ว่าจะช่วยเพิ่มคะแนนในการจัดอันดับเว็บไซต์ในหน้าการค้นหาให้มากขึ้นตามไปด้วยสำหรับเว็บไซต์ไหนที่มีลิงก์ปรากฎอยู่ในหน้าเว็บไซต์อื่น ๆ เปรียบเทียบก็เสมือนเป็นการโหวต และดูเป็นเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือนั่นเอง สิ่งสำคัญก็คือควรที่จะมี Backlink ที่มาจากเว็บไซต์ที่มีความน่าเชื่อถือเช่นเดียวกัน

  • สร้างเนื้อหาภายในเว็บไซต์ที่มีความน่าสนใจ โดยให้ผู้คนสามารถเข้ารับชมเว็บไซต์นานขึ้นผ่านวิธีการดังต่อไปนี้ ไม่ว่าจะเป็นการใส่รูปภาพ วิดีโอ การเขียนเนื้อหาที่ผู้อ่านมีส่วนร่วมได้หรือเรียกอีกนัยหนึ่งก็คือเป็นเชิงโต้ตอบ ในส่วนของเนื้อหานั้นก็ควรที่จะต้องไปกันได้ดีกับคีย์เวิร์ดที่ผู้ชมกดพิมพ์ค้นหาเข้ามา ไม่ใช่เป็นคนละเรื่องหรือมีเนื้อหาที่ต่างออกไปอย่างชัดเจน เพราะจะทำให้ผู้ชมไม่อยู่ในหน้าเว็บไซต์นาน ๆ ก็จะออกไปเพื่อรับชมเว็บไซต์อื่น ๆ

  • อีกส่วนหนึ่งที่ดูเหมือนว่าไม่ใช่ปัญหาสำคัญแต่เป็นจุดที่ทำให้หลายเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาสาระดีและเป็นประโยชน์มีผู้รับชมจำนวนไม่มากเท่าที่ควรก็คือ ความเร็วในการดาวน์โหลดเว็บไซต์นั่นเอง เนื่องจากหลายคนเลือกที่จะกดผ่านเว็บไซต์ที่มีการดาวน์โหลดที่นาน เพราะต้องการความรวดเร็วในการสืบค้นข้อมูล

แต่ละวิธีที่นำมาแชร์นั้นเป็นวิธีที่หลายคนอาจมองข้าม แต่ต้องบอกว่าทุก ๆ วิธีนั้นล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการทำ SEO ใครที่อยากประสบความสำเร็จในธุรกิจอย่างที่ตั้งใจ การทำ SEO ที่ถูกต้องคือคำตอบของคุณ

4 เทคนิค เขียนคอนเทนต์อย่างไรให้ถูกหลัก SEO

4 เทคนิค เขียนคอนเทนต์อย่างไรให้ถูกหลัก SEO

เชื่อว่านักการตลาดหลายคนทราบดีกว่าการทำ SEO หรือ Search Engine Optimization จำเป็นต้องใช้องค์ประกอบหลายอย่างเพื่อผลักดันให้เว็บไซต์ติดหน้าแรกการค้นหา เช่น การออกแบบเว็บไซต์ให้ใช้งานง่าย การแสดงบน การเลือกคีย์เวิร์ด ที่ขาดไม่ได้คือการเขียนคอนเทนต์ เพราะคอนเทนต์หรือบทความมีส่วนอย่างมากที่จะช่วยผลักดันให้กลุ่มเป้าหมายพบเจอเว็บไซต์คุณง่ายยิ่งขึ้น นักการตลาดออนไลน์จึงให้ความสำคัญกับการทำคอนเทนต์เป็นอย่างยิ่งเพื่อเพิ่มโอกาสเจอกลุ่มเป้าหมายที่ใช่มากที่สุด

เขียนคอนเทนต์อย่างไรให้ถูกหลัก SEO

1. คอนเทนต์ต้องมีคีย์เวิร์ด

เทคนิคเบื้องต้นสำหรับการเขียนคอนเทนต์รองรับ SEO คือทุกคอนเทนต์ที่อัปโหลดลงเว็บไซต์ต้องมีคีย์เวิร์ด โดยคีย์เวิร์ดจะช่วยให้กลุ่มเป้าหมายค้นเจอเว็บไซต์คุณง่ายยิ่งขึ้น การเลือกคีย์เวิร์ดจำเป็นต้องใช้เครื่องมือในการวิเคราะห์ว่าคีย์เวิร์ดใดมีการค้นหามากที่สุดหรือเทรนด์การใช้คีย์เวิร์ดเป็นอย่างไร ตัวอย่างเครื่องมือยอดนิยม ได้แก่ Google Keyword Planner และ Google Ads เป็นต้น

2. แทรกคีย์เวิร์ดในตำแหน่งเหมาะสม

เมื่อวิเคราะห์คีย์เวิร์ดเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาแทรกคีย์เวิร์ดในตำแหน่งเหมาะสม เพราะตำแหน่งการวางคีย์เวิร์ดมีส่วนสำคัญที่จะทำให้ Search Engine เข้าใจว่าคอนเทนต์นั้น ๆ มีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไรและตรงกลุ่มเป้าหมายหรือไม่ สำหรับตำแหน่งที่จำเป็นต้องใส่คีย์เวิร์ด คือ ชื่อบทความ คำบรรยายบทความ หัวข้อ และที่ขาดไม่ได้คือชื่อรูปภาพ

3. กระจายคีย์เวิร์ดอย่างเป็นธรรมชาติ

นอกจากตำแหน่งต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องมีคีย์เวิร์ดรวมอยู่ด้วยแล้ว อีกตำแหน่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือการใส่คีย์เวิร์ดลงในบทคาม ที่สำคัญคือการกระจายคีย์เวิร์ดให้เป็นธรรมชาติ ไม่พยายามใส่คีย์เวิร์ดจำนวนมากเกินไป โดยปริมาณที่เหมาะสมคือไม่ควรเกิน 2 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณข้อความ

4. คอนเทนต์คุณภาพ ตรงความต้องการกลุ่มเป้าหมาย

หัวใจสำคัญของการเขียนคอนเทนต์ให้เป็นไปตามหลัก SEO คือการเขียนคอนเทนต์สดใหม่และอยู่ในความสนใจกลุ่มเป้าหมาย คอนเทนต์ที่ลงในเว็บไซต์จึงต้องเป็นคอนเทนต์ที่ไม่ลอกเลียนแบบมาจากแหล่งอื่น เพราะหากระบบตรวจจับได้ เว็บไซต์อาจโดนแบนจนเสียโอกาสติดหน้าแรกการค้นหา นอกจากนี้คอนเทนต์ต้องน่าสนใจ ตรงความต้องการกลุ่มเป้าหมาย เช่น หากเป็นเว็บไซต์จำหน่ายเครื่องสำอาง บทความควรเกี่ยวข้องกับความสวยความงาม ซึ่งเป็นเรื่องที่กลุ่มเป้าหมายให้ความสนใจเป็นพิเศษ หรือคอนเท้นต์เกี่ยบวกับบอล บทความควรจะเป็นเรื่อง ผลบอล โปรแกรม สถิติการแข่งขัน เป็นต้น

เมื่อเขียนคอนเทนต์ตามหลัก SEO แล้ว เชื่อว่าเว็บไซต์คุณจะมีโอกาสก้าวสู่หน้าแรกการค้นหาง่ายยิ่งขึ้น แม้ว่าคอนเทนต์จะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้เว็บไซต์ติดหน้าแรกการค้นหา แต่ถึงอย่างนั้นการทำ SEO จำเป็นต้องพึ่งองค์ประกอบอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น การออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์ การทำ Backlink ความเร็วในการดาวน์โหลด ฯลฯ ที่สำคัญในฝั่งของท่านเจ้าของธุรกิจเองจำเป็นต้องสร้างประสบการณ์ที่ดีในการซื้อสินค้าและบริการร่วมด้วย เช่น การพัฒนาคุณภาพสินค้า การจัดรายการส่งเสริมการขาย ควบคู่ไปกับการทำ SEO เพื่อผลลัพธ์ทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพ

นอกจาก SEO ยังต้องรู้จัก Facebook Broadcast ลูกเล่นใหม่ล่าสุดปี 2020

นอกจาก SEO ยังต้องรู้จัก Facebook Broadcast

Facebook เป็น Social Media ที่มีจำนวน User กว่าหลายล้านคน ทำให้เหล่านักการตลาดและแบรนด์สินค้าหรือบริการต่าง ๆ จึงใช้ Facebook ในการสร้างฐานลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ทำให้ Facebook ได้พัฒนาลูกเล่นใหม่ให้กับ User นักธุรกิจ แบรนด์สินค้าหรือนักการตลาด ใครที่คุ้นเคยกับ SEO อย่างเดียวนั้น ไม่เพียงพอแล้ว

Facebook Broadcast ลูกเล่นใหม่ล่าสุดในปี 2020 ที่นักการตลาดหลายคนใช้เพื่อแจ้งให้กลุ่มเป้าหมายทราบถึงสาระความรู้ของสินค้าหรือบริการ และแจ้งโปรโมชั่นใหม่

ข้อดีของการทำ Facebook Broadcast มีดังนี้

เจอกลุ่มเป้าหมายได้ง่ายขึ้น แม้ว่าการทำ SEO ให้กับคอนเทนต์ในเว็บไซต์หรือ Social จะช่วยดึงความสนใจจากกลุ่มเป้าหมายได้ แต่การใช้ Broadcast เพื่อแจ้งรายละเอียดที่น่าสนใจ เช่น โปรโมชั่นล่าสุด หรือคอนเทนต์ที่น่าสนใจให้กับกลุ่มเป้าหมายได้ทราบ และยังเป็นวิธีที่ช่วยกระตุ้นความสนใจกลุ่มเป้าหมายหรือลูกค้าเก่าให้กลับมาใช้บริการหรือซื้อสินค้าซ้ำได้

ช่วยลดความยุ่งยากในการตอบคำถาม เนื่องจาก Broadcast สามารถตั้งค่าให้ตอบคำถามอัตโนมัติได้ ทำให้นักขายของออนไลน์จึงไม่ต้องเสียเวลาในการตอบคำถามลูกค้าทั้งหมดด้วยตัวเอง

Facebook Broadcast เป็นบริการใหม่ล่าสุดที่ยังไม่มีการเรียกเก็บค่าบริการ ทำให้นักการตลาดหรือนักขายของออนไลน์ได้ลองใช้ได้แบบฟรี ๆ ซึ่งหากทำควบคู่ไปกับการทำ SEO บนเว็บไซต์ โดยนำบทความหรือคอนเทนต์ SEO ที่กลุ่มเป้าหมายสนใจ Broadcast ไปยัง Inbox จะช่วยสร้าง Traffic เข้าสู่เว็บไซต์หลักด้วย

เทคนิคการตลาดที่ควรทำควบคู่ไปกับการ Broadcast มีดังนี้

คัดสรรกลุ่มเป้าหมายหลักด้วยการสร้างกลุ่ม Facebook ตั้งเป้าหมายหลักในการสร้างกลุ่มเกิดขึ้นเพื่อลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างกลุ่มผู้ใช้ที่มีความคิดเห็นแตกต่างกันในเรื่องต่าง ๆ ซึ่งการสร้างกลุ่ม สามารถช่วยให้นักการตลาดหรือนักขายของออนไลน์สามารถนำคอนเทนต์ SEO ที่น่าสนใจและมีความเฉพาะเจาะจงเพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายให้เข้ามาหาได้ เมื่อมีกลุ่มเป้าหมายหลักอยู่ในมือ การขายสินค้าหรือบริการก็สามารถสร้างยอดขายได้ดีกว่าการโพสต์ขายสาธารณะ เช่น การสร้างกลุ่มเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการขายของออนไลน์ สามารถขายหนังสือ E-book หรือคอร์สเรียนแบบเจาะลึกให้กับสมาชิกในกลุ่ม เป็นต้น การทำ Facebook Broadcast ควบคู่ไปกับการสร้างกลุ่ม เนื่องจากสมาชิกในกลุ่มบางคนอาจไม่มีเวลามากพอในการติดตามเนื้อหาที่มากมายในกลุ่ม การ Broadcast เฉพาะเนื้อหาที่น่าสนใจให้กับสมาชิกใน Inbox จึงเป็นวิธีในการทำการตลาดที่ช่วยสร้างการย้ำเตือนและกระตุ้นให้สมาชิกดังกล่าวกลับมาให้ความสนใจอีกครั้ง

VDO Content สร้างการรับรู้ ด้วยไลฟ์สไตล์ของคนในยุคปัจจุบันมีความเร่งรีบมากขึ้นและหมดความสนใจง่าย การสร้างวีดีโอที่มีความยาว 2 – 3 นาทีแต่มีเนื้อหาที่น่าสนใจ จะช่วยให้ส่งผลดีต่อสินค้าหรือบริการได้มากกว่า

ใช้เทคนิค Call to Action แม้ว่า Facebook Broadcast จะสามารถเรียกร้องความสนใจกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี แต่ก็ควรสร้างปุ่ม Call to Action เพื่อกระตุ้นการตอบสนองของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อเร่งเร้าให้เกิดการตัดสินใจที่รวดเร็วมากขึ้นด้วย

การศึกษาวิธีใช้ Facebook Broadcast ควบคู่ไปกับเทคนิคการสร้าง SEO คอนเทนต์ เป็นวิธีที่ช่วยลดระยะเวลาในการสร้างฐานลูกค้า และยังทำให้นักการตลาดและนักขายของออนไลน์สามารถสร้างรายได้ให้มากขึ้นได้

ข้อดีของการทำ Facebook Broadcast

เคล็ดลับ 5 ข้อ ทำ SEO อย่างไรไม่ให้หลงทาง

เคล็ดลับ 5 ข้อ ทำ SEO อย่างไรไม่ให้หลงทาง

การทำ SEO นั้นไม่ต่างอะไรกับการทำงานตามฏิทินที่ไม่เพียงแค่การสร้างเนื้อหาที่ต้องแข่งกับเวลาเท่านั้น แต่ยังต้องแข่งกับคู่แข่งด้วยเหมือนกัน ฉะนั้นการวางแผนจึงเป็นสิ่งสำคัญในการปักหมุดให้การทำ SEO เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด เอาล่ะ! ทีนี้เรามาดูกันดีกว่าว่ามีเคล็ดลับอะไรบ้างที่ ทำ SEO แล้วจะไม่หลงทางให้เสียเวลา

ทำ SEO ให้อยู่ในกรอบ

ตั้งเป้าหมายในการทำ SEO – ใคร ๆ ก็บอกว่าการทำ SEO มันดีกับแบรนด์ แต่ถ้าคุณทำไปโดยไม่รู้ว่ามันมีประโยชน์อะไรกับแบรนด์หรือเว็บไซต์ของคุณ ก็อาจจะทำให้คุณเสียเวลาเปล่า เพราะจะทำให้คุณผลิตเนื้อหาโดยไม่รู้ทิศทางและวิธีการที่ถูกต้อง การตั้งเป้าหมายในการทำ SEO ก่อนผลิตเนื้อหาสักชิ้นไปอยู่บนเว็บไซต์ของคุณ จึงเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรก

รู้จักกลุ่มเป้าหมาย – หากคุณผลิตเนื้อหาออกมาได้เป็นอย่างดีแต่ไม่มีใครเข้ามาอ่าน หรือผลิตเนื้อหาออกมาแล้วแต่ไม่สามารถส่งไปถึงยังกลุ่มเป้าหมายได้นั้น ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายอยู่ไม่น้อย ฉะนั้นการรู้จุดประสงค์ในการทำ SEO อย่างเดียวคงไม่พอ แต่ต้องรู้จักกลุ่มเป้าหมายที่จะเข้ามาอ่านเนื้อหาของคุณด้วย

วางแผนช่องทางสื่อที่คุณต้องการใช้เป็นตัวช่วยในการทำ SEO – ในช่วงแรกการใช้สื่อช่องทางต่าง ๆ ที่จะเป็นตัวช่วยในการดึง traffic เข้ามายังเว็บไซต์ของคุณได้ แต่ในระยะยาวนั้น ก็ยังคงเป็นตัวช่วยเพื่อดึงกลุ่มเป้าหมายให้เข้ามาทำความรู้จักเว็บไซต์ของคุณได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่องทางเหล่านี้ส่วนใหญ่จะเป็น social media เช่น Facebook, medium, linkedin เป็นต้น

นำผลลัพธ์ที่ได้มาวิเคราะห์ – มีเครื่องมือหลายตัวที่คุณสามารถนำมาใช้ในการวิเคราะห์ผลลัพธ์จากากการทำ SEO ได้ เช่น Google analytics ที่เป็นตัวช่วยวิเคราะห์ว่ากลุ่มคนที่เข้ามายังเว็บไซต์นั้นตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่คุณวางเอาไว้มากน้อยแค่ไหน แล้วยังดูได้ด้วยว่าคีย์เวิร์ดที่คุณใช้ในการทำ SEO นั้นช่วยดึงคนเข้าไปยังเว็บไซต์ของคุณได้หรือไม่

เช็ค feedback ที่คุณได้รับ – ผลตอบรับที่คุณได้รับจากคนอ่านหรือคนติดตามนั้นเป็นสิ่งสำคัญมากเลยทีเดียวล่ะ เพราะมันช่วยบอกได้ว่าเนื้อหา SEO ที่คุณผลิตออกมานั้นสามารถตอบโจทย์ความต้องการของพวกเขาได้หรือไม่นั่นเอง อีกทั้งระหว่างการเช็คผลตอบรับ ก็ยังเป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับคนอ่านเช่นกัน

นักการตลาดที่ดีนั้นควรมีการวางแผนการทำงานให้มองเห็นเป้าหมายที่ชัดเจนมากขึ้น หากคุณเป็นนักการตลาดหรือเจ้าของธุรกิจที่กำลังทำ SEO อยู่ล่ะก็ อย่าลืมนำเคล็ดลับทั้ง 5 ข้อนี้ไปใช้กับการสร้างเนื้อหา SEO ของคุณดู แล้วคุณจะมองเห็นเว็บไซต์ของคุณไปอยู่หน้าแรกของ search engine ได้อย่างแน่นอน

ทำ SEO ให้อยู่ในกรอบ

ทำ SEO อย่างไรให้สำเร็จ ตอบโจทย์ทุกธุรกิจในปัจจุบัน

ขั้นตอนการทำ SEO ที่ทุกธุรกิจต้องรู้

พื้นฐานของการทำธุรกิจที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือการโฆษณา ไม่ว่าจะธุรกิจใหญ่โตติดระดับโลกแค่ไหนก็ยังต้องมีการโฆษณาทั้งนั้น เป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะทำธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งโดยไม่มีการโฆษณา ไม่ต้องมีใครรู้จักสินค้าหรือบริการของเราเลย ถ้าเป็นอย่างนั้นธุรกิจจะอยู่รอดได้อย่างไร การทำ SEO ถือเป็นหนึ่งในรากฐานของการโฆษณาในยุคปัจจุบัน เพราะสามารถทำได้ตั้งแต่ผู้เริ่มทำธุรกิจไม่มีเงินทุน ไปจนถึงธุรกิจใหญ่โตทุกระดับ แต่ที่สำคัญคือเราจะทำ SEO อย่างไรให้ประสบความสำเร็จเพื่อให้ผู้บริโภคได้รู้จักสินค้าหรือบริการของเรา การทำ SEO จะมีขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้

ขั้นตอนการทำ SEO ที่ทุกธุรกิจต้องรู้

กำหนด Keyword อันดับแรกต้องรู้ก่อนว่าสินค้าของเราคืออะไร แล้วในหมวดสินค้าดังกล่าวมีการค้นหาคำ Keyword ใน Google ว่าอะไรบ้าง ให้เรานำคำเหล่านั้นมาทำ SEO

มีเนื้อหาที่น่าสนใจ ไม่เพียงแต่แนะนำเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของตัวเองเท่านั้น แต่ในสิ่งที่นำเสนอควรเป็นเนื้อหาอื่นที่มีประโยชน์และมีความน่าสนใจและน่าติดตามบ้าง เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคเกิดความเบื่อหน่าย

ควรมี Keyword กระจายทั่วบทความ คำ Keyword ไม่ควรมากหรือน้อยจนเกิดไป และกระจายไปให้ทั่ว ๆ บทความ โดยเน้นถึงความเป็นธรรมชาติอ่านแล้วไหลลื่นเป็นหลัก ตรงส่วนไหนที่เห็นว่าสำคัญกับธุรกิจก็ให้เน้นหน่อยเพื่อให้ผู้อ่านได้จดจำผ่านจิตใต้สำนึก

จำนวนคำไม่ควรน้อยหรือมากไป ธรรมชาติของคนไทย ถ้าเรายังไม่สามารถดึงดูดความสนใจได้ภายใน 3 บรรทัดแรก ก็มีโอกาสที่ลูกค้าคนนั้นจะหลุดลอยไป ดังนั้นการทำ SEO ที่ดีไม่ควรมีจำนวนคำเยอะมากนัก ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับแต่ละธุรกิจด้วยว่าต้องการจะนำเสนอใคร

รูปและวิดีโอก็มีความสำคัญ รูปหรือวิดีโอเกี่ยวกับสินค้า การขายสินค้า การส่งสินค้า การรีวิวจากลูกค้า สำคัญมากในการทำตลอดออนไลน์ เพราะเว็บไซต์ของเราก็เปรียบเสมือนหน้าร้าน ดังนั้นการมีรูปและวิดีโอก็ช่วยให้การตัดสินใจซื้อทำได้ง่ายมากขึ้นทำ SEO อย่างไรให้สำเร็จ ตอบโจทย์ทุกธุรกิจในปัจจุบัน

อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าการทำ SEO สามารถทำได้ในทุกธุรกิจ ถือเป็นรากฐานของการโฆษณาที่มีประสิทธิภาพมาก ลองนึกดูว่าการทำโฆษณาแบบนี้ไม่มีค่าใช้จ่าย เพียงแค่อาศัยหลักการทำ SEO อย่างถูกต้องก็สามารถดันเว็บไซต์ของเราให้ขึ้นไปอยู่ในอันดับแรก ๆ บน Google ได้ เพียงแค่ผู้บริโภคพิมพ์คำ Keyword ที่เกี่ยวกับธุรกิจของเราเข้าไปก็จะเห็นเว็บไซต์ของเราเป็นอันดับแรก ๆ ส่งผลให้เกิดการซื้อขายได้ง่าย เมื่อรู้อย่างนี้แล้วธุรกิจไหนที่ยังไม่รู้จักการทำ SEO ขอให้เร่งศึกษาและรีบทำโดยด่วน เริ่มต้นเร็วกว่าย่อมได้เปรียบมากกว่า แต่ถ้ารู้ตัวว่าตามหลังคู่แข่ง ก็ยิ่งควรเริ่มทำ SEO ให้เร็วที่สุด

เทคนิคการทำ SEO ให้รูปภาพ

เทคนิคการทำ SEO ให้รูปภาพ

การทำ SEO ให้สอดคล้องตามที่ Google กำหนด นอกจากเน้นที่การทำ keyword SEO ให้บทความ หัวข้อ และ meta-description แล้ว ยังต้องทำ SEO ให้กับรูปภาพประกอบในบทความด้วย

การทำ SEO ให้รูปภาพจะต้องใส่รายละเอียดอะไรบ้าง

1. ตอบ 4 คำถามพื้นฐาน ใคร ทำอะไร อยู่ที่ไหน อย่างไร

ในรูปภาพ ควรใส่ keyword SEO ที่ตอบได้ว่า ใคร ทำอะไร อยู่ที่ไหน อย่างไร ซึ่งจะทำให้สามารถต่อยอดสู่คำสำคัญอื่น ๆ ที่ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายนิยมสืบค้น และเข้ากับบทความได้มากขึ้น

ทั้งนี้ หากคุณเคยทำเพจใน Facebook มาก่อน ต้องทำความเข้าใจว่าระบบ AI ในการวิเคราะห์แยกแยะรูปภาพของ Facebook และระบบ Google ต่างกัน ระบบ Facebook จะมีการแยกสีสันและประมวลผลเพื่อคาดการณ์ภาพได้ว่ากำลังสื่อสารถึงอะไร แต่ระบบ Google จะเป็นแบบขาวดำ ดังนั้น หากต้องการเว็บไซต์ SEO มีอันดับดีขึ้น ก็ต้องใส่ keyword SEO ในภาพ เพื่ออธิบายให้ละเอียดเพิ่มขึ้น

2. การควบคุมขนาดภาพ

การมีภาพที่มีรายละเอียดสูงที่ไม่จำเป็น นอกจากสิ้นเปลืองทรัพยากรของเครื่องแล้ว ยังทำให้เกิดการแฮงก์หรือต้องโหลดภาพเป็นเวลานาน ทำให้กลุ่มเป้าหมายที่ต้องการดูภาพประกอบข้อมูลรู้สึกรำคาญที่ต้องคอยนานได้ การปรับภาพ ให้ใหญ่ไม่เกิน 200 KB จะส่งผลดีต่ออันดับ SEO มากขึ้น

3. ใช้รูปถ่ายที่ทำขึ้นเอง

หลายคนนิยมใช้ภาพถ่ายจากเว็บไซต์อื่น ๆ ที่มีการเผยแพร่มานานหลายปี ทั้งเว็บไซต์ที่ต้องมีการสมัครสมาชิกเพื่อซื้อใช้ภาพในราคาตามขนาดความละเอียด อย่าง shutterstock หรือเว็บไซต์ที่ปลอดปัญหาลิขสิทธิ์ อย่าง pixabay ซึ่งทั้งสองกรณีนี้ หากทำอย่างถูกต้องก็ไม่มีปัญหากับระบบตรวจสอบของ Google แต่ก็อาจมีผลดีต่อเว็บไซต์น้อยกว่าการใช้ภาพประกอบที่ถ่ายทำขึ้นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นภาพที่ถ่ายในห้องสตูดิโอ หรือถ่ายนอกสถานที่ เพื่อการประกอบบทความเฉพาะ ที่มักมีการจ้างทีมงานทำอย่างมืออาชีพ ภาพที่ยังไม่เคยใช้ที่ใดมาก่อน และใส่ keywords ของภาพให้ละเอียดที่สุด จะเป็นผลดีต่อความประทับใจของผู้อ่าน และทำให้การประมวลจากระบบ algorithm ให้อันดับ SEO ดียิ่งขึ้นด้วย

4. การทำ sitemap

การทำ sitemap เปรียบเหมือนการยื่นคู่มืออย่างง่ายหรือสารบัญให้แก่ระบบ algorithm ของ Google ได้เข้าใจง่ายและรวดเร็วขึ้นว่า ในเพจนั้น ๆ มีรูปถ่ายและบทความอะไรอยู่บ้าง การ submit sitemap สำหรับภาพ จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเช่นเดียวกัน ซึ่งหลังจากการทำแล้ว สามารถตรวจสอบผลจากช่องสืบค้นรูปใน Google หรือ Google image search ก็ได้ เพื่อยืนยันว่ามีอันดับการสืบค้นที่ดีขึ้นจริง

จะเห็นได้ว่า เทคนิคการทำ SEO ให้รูปภาพนั้น มีหลายส่วนที่ควรศึกษาและทำร่วมกัน เพื่อให้อันดับการสืบค้นของเว็บไซต์ดีขึ้นได้ ทำให้มีโอกาสเข้าถึงลูกค้าเป้าหมายได้มากและรวดเร็วขึ้น เพราะปัจจุบันมีผู้ใช้จำนวนมากที่ค้นหาข้อมูลโดยดูจากรูปภาพก่อน โดยเฉพาะสินค้าที่เกี่ยวข้องกับ เสื้อผ้า รูปเมนูอาหาร ภัตตาคาร ร้านอาหาร ห้องพักโรงแรม และสถานที่ท่องเที่ยว เป็นต้น

การทำ SEO ให้รูปภาพจะต้องใส่รายละเอียดอะไรบ้าง

ไม่อยากให้อันดับ SEO ตกหลังจากการเลิกจ้าง ต้องอ่าน

ปัญหาใหญ่ที่มักเกิดขึ้นจากการจ้างบริษัท

การทำ SEO หรือ search engine optimization เป็นสิ่งที่ช่วยให้เว็บไซต์ทางธุรกิจเติบโตได้เร็ว เพราะสืบค้นเจอได้ง่ายจากช่อง Google search มากขึ้น ทำให้มียอดขายสินค้าที่ดีตามมา

การทำ SEO นอกจากการทำด้วยตัวเองแล้ว สามารถที่จะเลือกบริษัทรับจ้างทำ SEO ได้โดยมักมีสัญญาระยะ 6 เดือน หรือ 1 ปี ขึ้นไป ซึ่งจะสอดคล้องกับหลักในการทำ SEO ที่ต้องมีการสะสมข้อมูลอย่างต่อเนื่องให้ระบบอัลกอรึทึ่มของ Google มาประมวลผล

ปัญหาใหญ่ที่มักเกิดขึ้นจากการจ้างบริษัทรับทำ SEO ที่ขาดจรรยาบรรณคือ หลังจากการเลิกจ้างทำ SEO จะทำให้อันดับการสืบค้นต่ำลงมากในเวลาไม่นาน ทำให้กระทบต่อโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าเป้าหมาย และส่งผลให้ตัวเลขยอดขายและกำไรทางธุรกิจย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ

ที่เป็นเช่นนั้น เพราะบริษัทที่ขาดจรรยาบรรณในการทำงานให้ลูกค้าจะใช้วิธีทำ SEO ที่ไม่ตรงไปตรงมา มีการปั่น คีย์เวิร์ด หรือทำ Spam ทำให้ค่าอันดับ SEO สูงขึ้นเกินจริงในช่วงเวลาอันสั้น หรือมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดในระยะหลังเมื่อใกล้จะเลิกจ้างงาน ได้แก่

1. การจัดการที่ Backlink

การทำ Backlink คือ การเชื่อมโยงเว็บไซต์ของคุณไปยังเพจหรือเว็บไซต์ภายนอกอื่น ๆ ซึ่งเป็นเทคนิคที่ช่วยเพิ่ม traffic ให้เว็บไซต์ได้มากขึ้น หากบริษัทที่ทำ SEO ใช้วิธีทำลิงก์กับเพจที่มีการซื้อขายกันแบบผิดกฎของ Google หรือเป็นลิงก์ที่คุณภาพต่ำ เมื่อหยุดการทำ SEO ก็จะทำให้อันดับตกลงไปอย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ อาจเกิดจากการที่บริษัททำ SEO นำลิงก์ที่เคยทำไว้ออกจากการเชื่อมโยงทั้งหมด ทำให้ก็จะส่งผลให้อันดับ SEO ตกลงอย่างรวดเร็ว หลังการสิ้นสุดสัญญาจ้างงานได้

2. การสร้างไฟล์มาปิดกั้นการเก็บข้อมูลจาก Google

นักเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ จะรู้ว่าการเขียนไฟล์ robots.txt จะป้องกันไม่ให้ Google เข้ามาเก็บข้อมูลต่าง ๆ ในเว็บไซต์ได้ หากบริษัทที่ทำ SEO สร้างไฟล์นี้ขึ้นมา ก็เท่ากับเว็บไซต์ของคุณจะไม่สามารถสืบค้นได้จากช่อง Search Google อย่างแน่นอน จึงทำให้อันดับ SEO ตกลงอย่างรวดเร็ว

เทคนิคที่กล่าวมาของบริษัทรับจ้างทำ SEO ที่ขาดจรรยาบรรณ เป็นสิ่งที่สร้างผลเสียอย่างมากต่อธุรกิจออนไลน์ของผู้ที่เคยว่าจ้าง ทำให้สูญเสียโอกาสในการแข่งขันทางธุรกิจกับแบรนด์สินค้าคู่แข่งด้วย ดังนั้น ก่อนการเลือกจ้างบริษัททำ SEO ควรตรวจสอบข้อมูลให้รอบคอบ โดยเฉพาะความน่าเชื่อถือของบริษัท มีเอกสารยืนยันการจดทะเบียนบริษัท มีผู้รับผิดชอบที่มีประวัติดี ไม่เคยถูกดำเนินคดี หรือมีการกล่าวถึงในแง่เสื่อมเสีย ซึ่งโดยทั่วไป สามารถดูข้อมูลการรีวิวบริษัททำ SEO จากคนที่แบ่งปันประสบการณ์ในเว็บไซต์ต่าง ๆ เช่น พันทิป เว็บบล็อกต่าง ๆ หรือ Facebook หรือเลือกบริษัทที่มีการแนะนำจากคนใกล้ตัวที่ไว้ใจได้ เพื่อลดความเสี่ยงในการจ้างบริษัทที่ขาดจรรยาบรรณ

ไม่อยากให้อันดับ SEO ตกหลังจากการเลิกจ้าง ต้องอ่าน

ชวนทำความรู้จัก Plugin ตรวจสอบ SEO

ผู้สนใจจะใช้ปลั๊กอิน SEO ควรทราบ

ปัจจุบันการทำ SEO เป็นเทคนิคสำคัญในการทำให้อันดับการสืบค้นเว็บไซต์ทางธุรกิจสูงขึ้น จากผลการวิเคราะห์ของระบบอัลกอริทึมของ Google ที่ดี ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดแนะนำให้ผู้ทำเว็บไซต์ออนไลน์ระบบ SEO ติดตั้ง plugin เพื่อตรวจสอบ SEO จะทำให้หาจุดบกพร่อง แก้ไขส่วนต่าง ๆ ของบทความ SEO ได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด เพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพด้านธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น

โดยนักทำเว็บไซต์ SEO ทั่วโลก มีความนิยมใช้ plugin อยู่ 3 ชนิด คือ All In One SEO, Yoast SEO และ Rank Math ซึ่งมีความคล้ายคลึงกันในส่วนการวิเคราะห์ SEO พื้นฐาน คือ สามารถช่วยวิเคราะห์คุณภาพของการตั้งชื่อหัวข้อ (Title) ส่วนคำบรรยายสรุป (Meta Description) และส่วนอื่น ๆ (ซึ่งสองจุดที่กล่าวมา เป็นจุดดึงดูดสำคัญให้กลุ่มเป้าหมายคลิกเข้ามาในเว็บไซต์ ซึ่งจะปรากฏในหน้าต่างการสืบค้น หลังจากที่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายพิมพ์ในช่อง Google Search)

นอกจากที่กล่าวมาแล้ว Plugin ตรวจสอบ SEO ทั้งสามยังมีองค์ประกอบที่ช่วยในการจัดการทางเทคนิคเกี่ยวกับโครงสร้างของเว็บไซต์ หรือที่เรียกว่า site map รวมถึง การนำส่งข้อมูล Import Export เพื่อการสำรองการตั้งค่าและใช้ในการปรับเปลี่ยนข้อมูลทางเทคนิคได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ยังมีความแตกต่างในรายละเอียดบางอย่างของแต่ละชนิด Plugin ตรวจสอบ SEO ที่ผู้สนใจจะใช้ปลั๊กอิน SEO ควรทราบ เพื่อการเลือกได้อย่างเหมาะสม ดังนี้

1. All In One SEO

คุณสมบัติโดดเด่นที่เห็นได้ชัดเจน คือ ความสะดวก ใช้งานง่าย จึงเหมาะกับผู้ที่ทำเว็บไซต์ SEO ในระยะในเบื้องต้น สามารถที่จะตั้งค่าสถานะพื้นฐานต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ แม้จะเป็นมือใหม่เพิ่งเรียนรู้ โดยระบบจะมีการประมวลสรุปสถานะแบบเรียลไทม์ให้ทราบว่า Server กำลังมีการทำงานอย่างไรอยู่ แต่ก็มีจุดอ่อนตรงที่ไม่มีระบบป้องกันมัลแวร์หรือ bot ที่อาจจะทำอันตรายข้อมูลในเว็บไซต์ได้

2. Yoast SEO

เป็นปลั๊กอิน SEO ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากเป็นแบรนด์แรกที่มีการเผยแพร่การใช้งาน ซึ่งสามารถเชื่อมต่อกับ Google ได้ง่าย เรียนรู้ไม่ยาก และมีฟังก์ชันพิเศษ คือ Bulk Edit ที่ทำให้นักพัฒนาเว็บไซต์ SEO สามารถแก้ไข SEO ทั้งเว็บไซต์ได้ผ่านจุดเดียว (ไม่ต้องแก้ทีละหน้าเพจ) แต่ก็มีจุดอ่อนคือ ยังวิเคราะห์ภาษาไทยไม่แม่นยำ

3. Rank Math

เป็นปลั๊กอินตรวจสอบ SEO ที่คิดค้นใหม่ล่าสุดในปี 2019 มีความสามารถเช่นเดียวกับ Yoast SEO แต่มีความโดดเด่นที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลบทความที่เป็นภาษาไทยได้ และมีฟังก์ชันที่รองรับการทำงานของระบบการซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ตระบบ 5G และ 6G ในอนาคตด้วย

จะเห็นได้ว่า plugin ตรวจสอบ SEO แต่ละชนิด มีรายละเอียดบางส่วนที่เหมือนกันและมีความโดดเด่นในคุณสมบัติบางอย่างที่แตกต่างกันบ้าง ผู้ที่ทำเว็บไซต์ SEO จึงควรพิจารณาเลือกใช้ตามความเหมาะสม และควรเรียนรู้การใช้ปลั๊กอินควบคู่กับการพัฒนาเว็บไซต์ SEO เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดียิ่งขึ้น

ชวนทำความรู้จัก Plugin ตรวจสอบ SEO

ขั้นตอนการทำ SEO อย่างง่าย อยากขายดีในโลกออนไลน์ต้องอ่าน

ขั้นตอนการทำ SEO อย่างง่าย มีดังนี้

การทำ SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นเทคนิคการตลาดที่ไม่ต้องจ่ายค่าพื้นที่โฆษณาอย่างการทำ SEM หรือ Search Engine Marketing ผู้ที่ทำธุรกิจในโลกออนไลน์จึงควรศึกษาขั้นตอนการทำ SEO และนำไปปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ จะเพิ่มยอดขายได้เป็นอย่างดี

ขั้นตอนการทำ SEO อย่างง่าย มีดังนี้

1. การหา Keyword ที่เหมาะสมสำหรับการผลิตบทความ โดยเลือก Keyword จากการจากผลสถิติใน Google ที่กลุ่มคนเป้าหมายใช้พิมพ์เพื่อหาร้านค้าออนไลน์ที่น่าสนใจ การใช้คีย์เวิร์ดเหล่านี้ผลิตบทความจะทำให้อันดับ SEO ในหน้าต่างการค้นหาสูงขึ้น มีโอกาสปรากฏให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมากขึ้น

2. ใช้ Keyword หลักมาตั้งหัวข้อที่น่าสนใจ จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการถูกคลิกเข้ามาชม เพิ่มค่า CTR หรือ Click Through Rate ได้ มีโอกาสให้ขยายฐานลูกค้าที่จะมาเลือกใช้บริการหรือซื้อสินค้าได้มากขึ้นอีกหลายเท่าตัว

3. ปรับปรุงโครงสร้างเว็บไซต์ให้สวยงามและใช้งานง่าย ส่วนนี้อาจศึกษาด้วยตัวเองหากต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย หรือปรึกษากับนักพัฒนาเว็บไซต์ที่มีประสบการณ์ ตัวอย่างเช่น การจัดหมวดหมู่สินค้าที่ชัดเจนแยกจากการโฆษณา และส่วนการติดต่อกับทีมงานบริหารเว็บไซต์

4. มีการใช้ AI ในการตอบคำถาม หรือ Chatbot จะช่วยให้เพิ่มภาพลักษณ์ที่ดี ดูมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้นในสายตาลูกค้า จะทำให้ยอดขายสูงขึ้นตามมาอย่างแน่นอน

5. ออกแบบโลโก้ ตัวอักษรและธีมสีให้มีความเป็นเอกลักษณ์ นอกจากบทความต้องมีคุณภาพแล้ว การมีโลโก้ที่สวยงามจดจำง่าย ตลอดจนตัวอักษรและสีที่แตกต่างจากเว็บอื่นเป็นสิ่งสำคัญ จะเป็นเทคนิคที่ทำให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายนึกถึงแบรนด์ของคุณเป็นอันดับแรกเมื่อต้องการใช้สินค้า

6. ทำลิงก์หรือ Backlink เพื่อการขยายฐานลูกค้า เพิ่มโอกาสให้ลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ ได้รู้จักเว็บไซต์ของคุณด้วย วิธีการทั่วไปที่ใช้การคือการเข้าไปอยู่ในวงสนทนาในโลกโซเชียล เพื่อให้เรียนรู้ปัญหาและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้ใช้สินค้าที่คุณจำหน่ายขณะเดียวกัน คุณก็สามารถให้ข้อเท็จจริงและแนะนำสินค้ารุ่นใหม่ ๆ ได้ หากมีผู้ที่สนใจต้องการข้อมูลเพิ่มหรือซื้อสินค้า จะได้ติดต่อไปที่เว็บไซต์ของคุณได้

7. การทำเว็บไซต์ SEO แบบหลายภาษาเพื่อเผยแพร่ข้อมูลธุรกิจของคุณไปยังต่างประเทศได้มากขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจที่เป็นการท่องเที่ยวและการโรงแรม ซึ่งควรมีผู้ทำหน้าที่ตอบคำถามจากลูกค้าต่างชาติด้วยความเป็นมืออาชีพและมีความจริงใจให้บริการ จะทำให้ได้รับยอดการสั่งซื้อ สั่งจองสินค้าและบริการจากผู้คนได้ทั่วโลกตลอด 24 ชั่วโมง

จะเห็นได้ว่า ขั้นตอนการทำ SEO มีหลายองค์ประกอบที่สามารถทำควบคู่ไปพร้อมกัน ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดแนะนำว่าหากทำ SEO ให้เว็บไซต์อย่างสม่ำเสมอ แม้ต้องใช้เวลา 3 ถึง 6 เดือนขึ้นไปจึงจะเห็นผล แต่ก็คุ้มค่าทั้งด้านฐานลูกค้าและยอดขายที่เพิ่มขึ้นและมั่นคงในระยะยาว

ขั้นตอนการทำ SEO อย่างง่าย อยากขายดีในโลกออนไลน์ต้องอ่าน

แนะนำเว็บไชต์ให้ความรู้ SEO

แนะนำเว็บไชต์ให้ความรู้ SEO

ในโลกแห่งเทคโนโลยีความสะดวกสบายแทบทุกอย่างสามารถทำให้เกิดขึ้นได้ผ่านสมาร์ทโฟน ทั้งติดตามข่าวสาร หรือแม้แต่ซื้อของผ่านระบบออนไลน์ เมื่อโลกดิจิตอลมีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิต หลายคนจึงหันมาสนใจธุรกิจออนไลน์มากขึ้น ก่อให้เกิดการสร้างสรรค์เว็บไซต์ใหม่ ๆ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าตามเป้าหมายที่วางไว้ หรือที่เรียกกันว่า SEO (Search Engine Optimization) ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณมีสถิติการเข้าใช้มากขึ้นและเป็นที่รู้จักในวงกว้าง

หากคุณเป็นอีกคนที่กำลังมองหาแนวทางในการทำ SEO ด้วยตนเอง เรามีเว็บไซต์ที่มีมาตรฐานในการแนะ ให้ความรู้เกี่ยวกับ SEO

1.www.seo.co.th

ถ้าคุณไม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ SEO เลย ขั้นแรกต้องทำความเข้าใจเสียก่อน ลองเข้าไปศึกษาในเว็บไซต์นี้ได้ ซึ่งมีการอธิบายเกี่ยวกับที่มาของ SEO ปัจจัยในการเขียน แนวโน้มของความนิยม รวมถึงประโยชน์ที่ได้รับจากการเขียน SEO

2. www.hooktalk.com

การวางพื้นฐานเป็นสิ่งสำคัญ เว็บไซต์นี้จะสอนคุณตั้งแต่พื้นฐานการประเมินว่าควรเลือก Keyword แบบไหนมาทำ SEO มีคำแนะนำในการตั้งชื่อบทความ (Title) ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย คำอธิบายบทความสั้นๆ(Description) รวมไปถึงการแทรก Keyword อย่างสมดุล และเป็นธรรมชาติ

3. www.webbastard.net

หากคุณมีพื้นฐานด้าน SEO อยู่แล้ว แต่ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่คุณกำลังทำ มีแนวโน้มไปในทิศทางใด Webbastard.net สามารถเป็นไกด์ที่ดีในการให้คำแนะนำกับคุณได้ เว็บไซต์นี้จะแจกแจงให้คุณได้เข้าใจในการทำ SEO ที่ถูกต้อง และแนะนำได้ว่าแบบใดเป็นที่ต้องการในตลาด แบบใดที่ล้าสมัยและไม่เป็นที่สนใจในปัจจุบัน

4. Contentshifu.com

ถ้าคุณต้องการเพิ่มกลยุทธ์การตลาดให้กับตนเองในการทำ SEO ต้องไม่พลาดที่จะเข้าไปศึกษาในเว็บไซต์ Contentshifu ที่ได้รวบรวมเทคนิคการตลาดในการทำ SEO แต่ละประเภท มีการเปรียบเทียบและอธิบายให้เข้าใจถึงสาเหตุที่ทำ SEO แลัวอันดับไม่ขึ้น ไปจนถึงแนวทางแก้ปัญหา

5. www.1000content.com

ก่อนจะลงสนามจริงคุณควรเข้าไปดูตัวอย่างแนวทางการเขียนบทความ SEO ที่หลากหลายรูปแบบ จากเว็บไซต์ 1000 Content ที่มีตัวอย่างการเขียนบทความ SEO คุณภาพจากนักเขียนมากมากประสบการณ์กว่า 30 คน ทั้งงานเขียนรีวิวสินค้า เขียนโปรโมทเว็บไซต์ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์งานเขียนของคุณให้มีคุณภาพ ติดอันดับต้นๆในการค้นหาเรามีเว็บไซต์ที่มีมาตรฐานในการแนะ ให้ความรู้เกี่ยวกับ SEO

ไม่ว่าคุณจะมีพื้นฐานเกี่ยวกับ SEO หรือไม่ 5 เว็บไซต์นี้จะเป็นตัวช่วยในการสร้างพื้นฐานให้คุณ ทั้งนี้การจะทำ SEO ให้ประสบผลสำเร็จได้นั้น คุณต้องมีทักษะการอ่านที่ดีเพื่อเป็นแนวทางในการเขียน มีความขยันเพื่อให้การสร้างสรรค์ผลงานเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ และความตั้งใจที่จะเป็นพลังให้เอาชนะความเหน็ดเหนื่อย ความท้อแท้ในการทำงานจนประสบผลสำเร็จ